แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล (Brown Widow)

 

เรื่อง: Little Iris

ภาพ: coneman

          ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ  3 ปีก่อน ภาพแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลที่ถ่ายได้ในบ้านเราปรากฏขึ้นครั้งแรกในกระทู้หนึ่งในเว็บไซต์ siamensis.org นี่เอง เป็นภาพที่พี่นณณ์ ถ่ายได้จากตลาดนัดจตุจักรเพื่อขอข้อมูลยืนยันว่าเป็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลจริงหรือไม่ ประเด็นในขณะนั้นมุ่งเน้นถึงสถานภาพการเป็นสัตว์ต่างถิ่นซึ่งหลุดรอดออกมาจากการนำเข้าเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ค้าบางราย แต่ดูเหมือนเรื่องจะเงียบไปและมีแนวโน้มว่าสามารถควบคุมได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่พวกเราออกค้นหาและเก็บตัวอย่างแมงมุมจากตลาดนัดแห่งนั้นมาอย่างต่อเนื่อง จากการตรวจสอบและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญแมงมุมกลุ่มนี้ พบว่าแมงมุมต้องสงสัยนั้นเป็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลจริงๆ

            วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551 พวกเราได้รับตัวอย่างแมงมุมตัวนึงจากเพื่อน ได้ความว่าน้องของเค้าพบมันที่บ้านในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อตรวจสอบตัวอย่างดังกล่าวพบว่าเป็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลเจ้าเก่าเหมือนที่เคยพบในกรุงเทพ พวกเราจึงตามไปเก็บตัวอย่างเพิ่มเติม จากนั้นจึงโพสต์เพื่อเตือนภัยใน siamensis.org นี้ เป็นที่มาให้รายการทีวีรายการหนึ่งติดต่อเข้ามาขอถ่ายทำในเรื่องนี้ จากภาพบางภาพและข้อมูลที่ผิดพลาดบางส่วนที่ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้แมงมุมชนิดนี้น่ากลัวเกินความเป็นจริง เป็นการปลุกกระแสแมงมุมให้ตื่นตัวขึ้นและเป็นข่าวออกสื่อมากมาย แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงเกิดความสับสนเสมอในการระบุตัวแมงมุมว่าใช่หรือไม่ใช่ อันตรายจริงหรือไม่ และพวกมันมาจากไหน พวกเราได้ออกสำรวจและเก็บตัวอย่างรวมทั้งศึกษาแมงมุมชนิดนี้ในหลายแง่มุมเพื่อมาบอกเล่าให้คลายความสงสัยเกี่ยวกับเจ้าแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล มาทำความรู้จักกับแมงมุมชนิดนี้กันค่ะ

แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลหรือ Brown Widow มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Latrodectus geometricus มีการค้นพบครั้งแรกในประเทศโคลัมเบีย ทวีปอเมริกาใต้ จากนั้นได้มีการกระจายกว้างออกไปยังทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปแอฟริกา ทวีปออสเตรเลีย โดยส่วนใหญ่ติดไปกับการขนส่งทางเรือและอากาศ จากนั้นก็มีรายงานพบที่ทวีปเอเชียโดยเริ่มจากประเทศฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่นและอินเดีย กล่าวได้ว่าในปัจจุบันแมงมุมชนิดนี้สามารถพบได้ในเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลก นักสัตววิทยาจึงจัดแมงมุมชนิดนี้เป็นชนิดที่สามารถพบได้ทั่วโลก(cosmopolitan species)ในประเทศไทยจากการออกเก็บตัวอย่าง รวมถึงการแจ้งข่าวและการส่งตัวอย่างมาให้ตรวจสอบ พบว่าแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลมีรายงานการพบในหลายจังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี  สมุทรสงคราม ราชบุรี เชียงใหม่ พะเยา แพร่ ลำพูน ลำปาง พิจิตร ชัยนาท ระยอง จันทบุรี นครราชสีมา และหนองบัวลำภูซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านในหลายพื้นที่ ได้ข้อมูลว่าแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลถูกพบอยู่ในพื้นที่มานานแล้วก่อนมีการพบที่ตลาดนัดจตุจักรเสียอีก แต่ชาวบ้านไม่ทราบว่าเป็นแมงมุมชนิดไหน  จากข้อมูลดังกล่าวซึ่งพบแมงมุมชนิดนี้ในเกือบทุกภาคของประเทศ ประกอบกับบันทึกอย่างไม่เป็นทางการของ Professor Konrad Thaler จากมหาวิทยาลัย Innsbruck ซึ่งเข้ามาสำรวจแมงมุมในประเทศไทยได้บันทึกการพบแมงมุมที่ระบุว่าเป็น brown widow ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980  ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน แสดงให้เห็นว่าแมงมุมชนิดนี้อาจกระจายเข้ามาในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้วเพียงแต่ยังไม่มีใครพบเห็นหรือสนใจ จึงแทบไม่มีข้อมูลของแมงมุมชนิดนี้เลยก่อนหน้านี้

            แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลจัดอยู่ในวงศ์ Theridiidae เรียกง่ายๆว่ากลุ่มแมงมุมขาหวี (comb-footed spiders)  เนื่องจากแมงมุมในกลุ่มนี้มีขนลักษณะพิเศษคล้ายตะขอเรียงเหมือนซี่หวีอยู่บนขาปล้องสุดท้าย (tarsus) ของขาคู่ที่ 4 ใช้ในการสาวใยพันเหยื่อก่อนกินเป็นอาหาร ชื่อสกุล Latrodectus มาจากรากศัพท์ภาษาละติน 2 คำให้ความหมายว่า “หัวขโมยนักกัด”เนื่องจากพฤติกรรมการล่าเหยื่อของแมงมุมชนิดนี้จะสร้างใยรูปทรง 3 มิติ ลักษณะพิเศษโดยมีใยดักเหยื่อเชื่อมจากรังนอนซึ่งมักทำอยู่ใต้วัตถุที่อยู่ไม่สูงจากพื้นแล้วนำมาเชื่อมติดกับพื้น เป็นเส้นใยเส้นเดียวเรียงราย ที่ปลายใยดักเหยื่อมีหยดกาวเหนียวติดอยู่ เมื่อแมลงหรือสัตว์ขนาดเล็กวิ่งมาชนหยดกาว ใยที่เชื่อมกับพื้นจะขาดออก ทำให้ตัวเหยื่อถูกดึงขึ้นไปแขวนกลางอากาศ แรงสั่นสะเทือนจากการดิ้นรนของเหยื่อถูกส่งไปตามใยดักเหยื่อถึงรังนอนด้านบน เมื่อแมงมุมได้รับสัญญาณจะรีบไต่ลงมาแล้วใช้ขาคู่สุดท้ายสาวใยพันเหยื่อและลากกลับขึ้นไปยังรังนอนอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกัดปล่อยพิษเข้าสู่ตัวเหยื่อเพื่อให้เป็นอัมพาต คล้ายพฤติกรรมของโจรที่ปล้นชิงทรัพย์นั่นเอง ส่วนที่มาของชื่อแมงมุมแม่หม้ายมาจากพฤติกรรมเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่แมงมุมเพศเมียจะกินแมงมุมเพศผู้หลังการผสมพันธุ์เสร็จสิ้น ในธรรมชาติเราจึงพบแมงมุมเพศเมียอยู่โดดเดี่ยวไร้คู่เหมือนชีวิตของแม่หม้ายนั่นเอง

มารู้จักลักษณะสำคัญของแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลกันค่ะ

            แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลเป็นแมงมุมขนาดกลางเพศเมียมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้4-6 เท่า ส่วนท้อง (abdomen) ของเพศเมียกลมป่องใหญ่กว่าส่วนหัว (cephalothorax) อย่างชัดเจน เพศผู้จะมีขนาดเล็ก ส่วนหัวและท้องมีขนาดใกล้เคียงกัน ในธรรมชาติเพศเมียมีความหลากหลายของสีสัน ตั้งแต่โทนสีขาวสว่างไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม ลวดลายด้านบนของส่วนท้องมักไม่แปรผัน โดยบริเวณกลางหลังจะมีจุดสีแดงหรือส้มล้อมรอบด้วยสีขาวทรงเลขาคณิตเรียงต่อกันเป็นแถว เชื่อมต่อด้วยแถบสีเดียวกันพาดไปทางด้านท้ายลำตัว สองข้างของแนวกลางตัวจะมีจุดสีดำ ข้างละ 4 จุด เรียงต่อกันเห็นชัดในแมงมุมที่ตัวเล็ก ส่วนแมงมุมที่มีอายุมากจะเห็นชัดเพียงข้างละ 3 จุด ด้านใต้ท้องเป็นตำแหน่งที่พบแถบสีคล้ายรูปนาฬิกาทรายสีส้มสดอยู่ ถ้าเห็นแถบสีนี้ท่านก็สามารถฟันธงได้ว่าแมงมุมที่เห็นเป็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลเพราะแถบสีรูปนาฬิกาทรายนี้เป็นลักษณะเด่นที่พบในแมงมุมชนิดนี้และสังเกตได้ง่าย แมงมุมเพศผู้มีลวดลายคล้ายเพศเมีย แต่ส่วนหัวมีสีดำเข้มและมีอวัยวะที่ใช้ในการสืบพันธุ์คล้ายนวมอยู่ด้านหน้า 1 คู่ ขาของทั้งสองเพศมีสีน้ำตาลตามข้อต่อเป็นสีดำ แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลหลังผสมพันธุ์จะใช้เวลา 7-10 วันในการสร้างถุงไข่ (อาจจะนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของอาหารเพราะแมงมุมเพศเมียสามารถเก็บน้ำเชื้อของเพศผู้ได้เป็นเวลานาน) ลักษณะของถุงไข่สามารถช่วยในการยืนยันว่าเป็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลได้ คือมีรูปทรงกลม สีครีม ผิวมีลักษณะเป็นหนามคล้ายทุ่นระเบิดซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแมงมุมชนิดนี้ โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 0.5-1.2 เซนติเมตรขึ้นกับขนาดตัวและความสมบูรณ์ของแม่แมงมุม ภายในถุงมีไข่จำนวน 30-90 ฟอง แมงมุมเพศเมียสามารถสร้างถุงไข่ได้ 20-22 ครั้ง จากการผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียว หลังจากวางไข่ประมาณ 16-26 วัน ลูกแมงมุมก็เจาะออกจากถุงไข่ แรกเกิดมีความยาวตัวเพียง 1 มิลลิเมตรช่วงสัปดาห์แรกจะยังไม่กินอาหาร หลังจากนั้นลูกแมงมุมจะเริ่มกินกันเอง ลูกแมงมุมเพศเมียมีการลอกคราบ 8 ครั้งและ4 ครั้ง ในเพศผู้เพื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์

มารู้จักพิษของแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล

            พิษของแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลมีชื่อเรียกเฉพาะว่า Latrotoxin ซึ่งจัดเป็นพิษที่มีผลหลักต่อระบบประสาท (neurotoxin) โดยพิษจะทำให้เกิดช่องว่างบริเวณปลายเซลล์ประสาท ส่งผลให้แคลเซียมไอออน (Ca2+) ไหลเข้าสู่ปลายเซลล์ประสาทซึ่งเป็นกลไกให้เกิดการปล่อยสารสื่อประสาท (neurotransmitter) ตลอดเวลา ทำให้เกิดการส่งกระแสประสาทอย่างต่อเนื่องและมากกว่าปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกร็งจนเป็นอัมพาต ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตจะเกิดจากกล้ามเนื้อกระบังลมและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงาน นอกจากนี้พิษของแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลยังมีองค์ประกอบที่ส่งผลต่อการทำลายเนื้อเยื่อรอบแผลทำให้เกิดความเจ็บปวดและแผลจะหายช้า แต่ยังไม่เคยมีรายงานการเสียชีวิตจากการโดนแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลกัดเลย แม้ว่าจะมีการศึกษาพบว่าพิษของแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลนั้นรุนแรงกว่าแมงมุมแม่หม้ายดำ (Latrodectus mactans) ที่พบในอเมริกา 2 เท่าตัว เมื่อเทียบพิษในปริมาณที่เท่ากันก็ตามที เพราะมีหลายปัจจัยที่อยากนำมาบอกกล่าวให้ทราบว่าแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ประการแรกคือ มีเฉพาะแมงมุมเพศเมียเต็มวัยเท่านั้นที่สามารถกัดผ่านผิวหนังมนุษย์ได้ ส่วนแมงมุมเพศผู้และแมงมุมที่ยังไม่เต็มวัยมีเขี้ยวที่เล็กและสั้นจนไม่สามารถกัดผ่านผิวหนังของคนได้ ประการที่สองคือแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลจะปล่อยพิษในการกัดแต่ละครั้งน้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างความเจ็บปวดในบริเวณที่โดนกัดเท่านั้นหรือหากเป็นการโดนกัดอย่างจังก็อาจทำให้ปวดทั่วทั้งอวัยวะได้ ประการสุดท้ายคือ แมงมุมชนิดนี้ไม่มีนิสัยก้าวร้าว เมื่อถูกรบกวนจะวิ่งหนีเข้าหาซอกที่กำบังในรังนอนของมันหรือทิ้งตัวลงไปแกล้งตายที่พื้น ทำให้แมงมุมชนิดนี้มีโอกาสกัดคนน้อยมาก ส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกกัดเกิดจากไปสัมผัสหรือกดทับตัวแมงมุมให้ได้รับบาดเจ็บจึงถูกกัด ซึ่งพิษอาจมีผลรุนแรงกับเด็กหรือผู้ที่เป็นโรคหัวใจรวมถึงผู้ที่แพ้พิษเท่านั้น พวกเราได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ที่โดนแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลกัด 2 ท่าน ซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งคู่ โดยทั้งคู่ได้นำตัวอย่างแมงมุมที่กัดมาให้ตรวจสอบและพบว่าเป็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล อาการที่พบมีเพียงความเจ็บปวดบริเวณที่ถูกกัดคล้ายถูกผึ้งต่อยและแผลใช้เวลานาน 1-3 เดือน จึงหายและมีร่องรอยแผลเป็นทิ้งไว้ดูต่างหน้าเท่านั้นค่ะ

            รู้จักวิธีป้องกันแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล

            ถึงบทความด้านบนอาจกล่าวในทำนองว่าโอกาสที่แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลกัดนั้นมีน้อย แต่การป้องกันเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าหากในบ้านเรามีเด็ก คนสูงอายุ หรือคนป่วยอยู่ก็ควรมีการป้องกันหรือการกำจัดไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย วิธีการแรกคือ การกำจัดแหล่งที่อยู่อาศัย ที่ๆแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลชอบคือใต้วัสดุอย่างเช่น ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ชั้นว่างของต่างๆ กล่องกระดาษ หรืออะไรก็ตามที่ไม่ได้เคลื่อนย้ายเป็นเวลานาน และสูงจากพื้นไม่มากนัก อย่างใต้ท้องรถที่จอดทิ้งไว้นานๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลยึดไปครอบครองได้ ดังนั้นเราควรหมั่นทำความสะอาดใต้ตู้ ใต้โต๊ะเสมอ หรือชั้นวางของที่ทิ้งร้างมานานก็ควรเคลื่อนย้ายไปไว้นอกบริเวณที่คนอาศัย วิธีที่สองคือ การกำจัดแหล่งอาหาร ข้อนี้ดูเหมือนจะทำได้ยาก เนื่องจากบ้านเราเป็นประเทศเขตร้อน แมลงและสัตว์ต่างๆ มีความหลากหลายและมีจำนวนมาก ถ้าไม่อยากให้ภายในบ้านมีแมงมุมหลากหลายชนิดทำโดยหมั่นกำจัดแมลงต่างๆอย่างสม่ำเสมอ แต่ข้อนี้ไม่ค่อยสนับสนุนค่ะ เนื่องจากการกำจัดแมลงตามบ้านมักใช้สารเคมีในการกำจัด   ทางที่ดีคือควรดูแลรักษาความสะอาดบ้านและบริเวณรอบๆบ้านอย่างสม่ำเสมอน่าจะดีกว่า นอกจากนั้นแล้วแมงมุมขายาวที่อาศัยอยู่ตามบ้านก็มีส่วนช่วยในการควบคุมหรือลดจำนวนแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลได้

            ถึงจะเป็นแมงมุมที่ใครต่อใครกล่าวถึงแต่ความรุนแรงของพิษ แต่แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศเหมือนกับแมงมุมหลายๆ ชนิด มีประโยชน์ในการควบคุมปริมาณแมลง ดังนั้นการป้องกันเป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้ทั้งคนและสัตว์อยู่ร่วมกันได้ค่ะ

Comments

ความคิดเห็น

ความเห็นที่ 1

สีสวยๆ ทั้งนั้นเลย

ความเห็นที่ 2

บทความนี้แจ่ม อ่ะ หุๆ ^^

ความเห็นที่ 3

เยี่ยมจริงๆ เลยครับ พอรู้ข้อมูลแล้วสงสัยมันจะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงตัวต่อไปแน่เลย แต่ตั้งแต่เจอตัวเป็นๆเมื่อปีที่แล้วก็ยังไม่เจออีกเลย เจอแต่รังไข่ร้างๆ บ่อย น่าจะเป็นเพราะที่บ้านมีแมงมุมขายาวเยอะนี่เอง แต่ผมก็ยังหาอยู่นะนี่ กะเอาไปฝากคุณ Little Iris กะ คุณ coneman ซะหน่อย

ความเห็นที่ 4

แหล่มมาเลยน้อง

ความเห็นที่ 5

คุณตะขาบยักษ์ครับ เดี๋ยวจะเอามากฝากตอนนี้ที่บ้าน(อเมริกา) รอบบ้านจะมีมากเพราะมีกองไม้และต้นไม้อยู่ แต่พอเห็นคนจะวิ่งหนีเร็วและมีลูกๆมันตัวเล็กๆอยู่ในบ้านทั่วบ้านต้องไล่ตี จะออกมากลางคืนส่วนมาก พอเห็นคนจะวิ่งเร็วมากแต่ยังไม่เคยโดนกัดเลยมันจับแมงมุมดำตัวเล็กๆและแมงมุมขายาวๆกับมดในบ้านกินจนเกือบหมด ส่วนมากรังจะอยู่ใต้เก้าอี้ต้องเอาไฟเผาไข่มันที่เห็นทุกครั้งแม่มันจะวิ่งเข้ามาหาเลยโดนไฟไปด้วย ส่วนแม่ม่ายสีดำพบบ้างแต่น้อยกว่า(เพิ่งพบ 3 ตัว เอง) เมื่อปีก่อนเคยโทร.มาหาคุณนพดลและเล่าให้ฟังแล้วแต่ปีนี้มันเสด็จเข้ามาอยู่ในบ้านเลยล่ะ เห็นลวดลายสวยๆอย่างนี้มองแล้วขนลุกทุกทีเพราะสวยอย่างน่ากลัวตามความรู้สึกทางสัญชาตญาณของคนทั่วไปที่เห็น ไม่อยากให้ผู้หญิงเป็นอย่างนี้เลยครับ เมื่อไม่กี่อาทิตย์มานี่มีรายการสารคดีเรื่องหนึ่งมาที่อเมริกาได้เห็นคุณนณณ์ออกรายการด้วยครับ ยังหนุ่มหล่อเชียวครับตอนแรกคิดว่าเป็นนักวิชาการที่แก่ๆใส่แว่นแต่ตรงกันข้ามเลย

ความเห็นที่ 6

คุณ supparerk ค่ะ รบกวนขอ E-mail ติดต่อด้วยนะค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านบทความค่ะ

ความเห็นที่ 7

E-mail ของผมครับ     supparerk2003@yahoo.com    ครับ

ความเห็นที่ 8

ขอบคุณบทความดีๆ จากพี่ทั้งสองน่ะครับ ถึงสื่อจะออกในช่วงที่แมงมุมแม่หม้ายนี้ บูมมากก็ตาม แต่เชื่อได้เลยครับว่า ยังไม่มีใครรู้ข้อมูลมันจริงๆ นอกจากกลัวกันไปก่อนและฝังใจว่า มันมีพิษร้าย

แล้วจะหาโอกาสเผยแพร่น่ะครับ

ความเห็นที่ 9

เป็นบทความที่สมบูรณ์มากๆทีเดียวครับyes

มันมีหลายสีเหมือนลูกปัดหินโบราณๆดีเนาะ

ความเห็นที่ 10

 

 

ความเห็นที่ 11

เขียนดีจังเลยค่ะ ^___^

อยากเห็นแม่ม่ายสีน้ำตาลตัวจริงเหมือนกันค่ะ ไม่เคยเห็นมาก่อน

ยังไงขอเป็นกำลังใจให้น้อง Little Iris เขียนบทความเกี่ยวกับแมงมุมออกมาอีกเรื่อยๆ นะคะ


ความเห็นที่ 12

อยากเห็นแม่ม่ายสีน้ำตาลตัวจริงเหมือนกันค่ะ แต่ก็กลัวมันกัดน่ะค่ะ

ความเห็นที่ 13

มีที่นครราชสีมาด้วยหรอคะ ยังไม่เคยรู้เลยปีนี้ปี2011แล้วที่ประเทศไทยคงไม่มีหรอกนะคะ พอดีได้ยินข่าวมานานแล้ว แต่ว่าช่วงนั้นยังเด็กอยู่เลยไม่ได้สนใจ เดี๋ยวนี้ก็เริ่มระแวงแล้วน่ะค่ะแบบว่าที่บ้านมีแมงมุมอยู่ ในกีตาร์ก็มีเลยรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว  กลัวมากด้วย แล้วก็ที่บ้านก็มีคุณยายอยู่1คนน่ะค่ะ เลยเป็นห่วงมาก บางทีก็คิดมาก คิดไปคิดมาน้ำตาไหลเลยเพราะกลัวว่าคุณยยายจะเป็นอะไรเข้าน่ะค่ะ sad