“การค้านกป่าบนโลกออนไลน์” (เชิญทำลายธรรมชาติเพียงคลิกมือเดียวได้เลยครับ)

เรื่อง: อุเทน ภุมรินทร์

เมื่อโลกไร้พรมแดน นกป่าจึงกลายเป็น ‘ใบเสร็จรับเงิน’
 
“ผมแนะนำเอาเป็นนกกางเขนดงดีกว่าครับ เพราะนกเขียวก้านตองยังไม่สามารถป้อนหนอนกับมือได้”
“สภาพนกดีครับ ขนหางไม่หลุดลุ่ย ในกรงที่ผมเลี้ยงเดี่ยวจะสวยมาก มีบางตัวที่ขนกระเซิงบ้าง เพราะขังไว้ในกรงใหญ่ เวลาผมเข้าไปนกมันตกใจเลยบินชนกรง หากเอาไปแล้วไม่ร้องภายใน 3 วัน ผมยินดีรับคืนเงินครับ”
“อ๋อ! นกกระรางคอดำ--ซออู้นะมีครับ นกเค้าแมวผมก็มีนะครับ หากน้องสนใจจริง พี่เอาแค่ 1200 บาทเท่านั้นแหละ” น้ำเสียงของผู้สนทนาปลายสายฟังดูแช่มชื่น ในการพูดถึงเม็ดเงินแห่งอาชีพของเขา

 
สามข้อความเบื้องต้นนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผม ซึ่งหาญกล้าสวมบทบาทตัวเองเป็นสายลับ กับผู้ประกาศขายนกป่ารายหนึ่ง ทางอินเตอร์เน็ตบนเว็บไซต์จำพวกขายของมือสอง โดยผมนั้นได้กล่าวอ้างการติดต่อว่า จะซื้อนกป่าเป็นของขวัญวันเกิดให้กับพ่อ
 
บทสนทนาจบลง แต่ความคิดของผมเหมือนจะเดินทางไปไกลกว่านั้น คำพูดของพ่อค้านกบอกกับเราอย่างหนึ่งว่า “การลักลอบค้านกจากธรรมชาติยังคงเป็นมะเร็งร้ายต่อการคงอยู่ของนกในธรรมชาติทั่วโลก”
 
.              ขายตัวละ15000ครับ เพราะนกหายากมาก มีไม่กี่คนที่ได้เลี้ยงในประเทศไทย ตัวเป็นๆ ชมได้ตามสวนสัตว์ครับ เอาไว้ประดับไว้โชว์แขกครับ รับรองใครมาต้องถามแน่นอน เพราะตัวใหญ่มาก เลี้ยงเชื่อง ตาสวยเหมือนฝรั่ง (อย่างในรูปเป๊ะ) ตัวนี้นอนเหมือนสุนัข เพราะปล่อยเล่นกะสุนัขที่บ้าน—ข้อความในเว็บบอร์ด ซึ่งหัวกระทู้ที่โพสต์ไว้ คือ ‘ขายนกเงือกกรามช้าง’ จากเว็บไซต์ http://fws.cc/luvbirds/index.phpได้อ่านจุดประสงค์ของการเปิดกระดานสนทนานี้ กล่าวไว้ดังนี้ว่า : อยากให้คนที่รักนก ได้นกคุณภาพดีราคาไม่สูงจากผู้เพาะโดยตรง โดยไม่กำหนดว่านกนั้น จะเป็นนกอะไรประเภทไหน แต่ขอให้รับผิดชอบกันเองในส่วนนี้ ผู้เปิดบริการเว็บบอร์ดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น จุดประสงค์นี้ ทำให้เราเห็นภาพว่า การควบคุมใดๆ ทางกฎหมายของรัฐไม่สามารถกระทำการตรวจสอบการค้าแห่งโลกไร้พรมแดนนี้ได้เลย
 
ข้อความการโพสต์ขายนกป่าผิดกฎหมายเหล่านี้ ปรากฏอย่างเปิดเผยในเว็บบอร์ดของบรรดาเว็บไซต์ที่ประกาศค้าขายของมือสอง ซึ่งรวมถึงสัตว์เลี้ยง และไม่เว้นแม้แต่นกป่า เช่นwww.pantipmarket.com, www.thaisecondhand.com เป็นต้น เว็บไซต์หลังสุดเป็นที่รวมสำหรับผู้ชื่นชอบเรื่องของการเลี้ยงนกโดยเฉพาะ ซึ่งมักมีผู้แฝงตัวแอบเข้ามาเสนอขายนกหายากหรือนกป่าอยู่เสมอ ทั้งมีการพูดถึงวิธีการลักลอบนำนกป่าจากพรมแดนประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยด้วย เคยมีการพูดคุยกันถึงวิธีการที่จับนกใส่รัดลงไปในถุงเท้าแล้วจับเรียงใส่ที่ก้นของกระเป๋าเป้ ฯลฯ รวมถึงวิธีอื่นๆ ตลอดจนการได้มาของนกป่า ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศกันอย่างเปิดเผย!
 
ในแต่ละข้อความที่ปรากฏนั้น ทุกข้อความต่างบรรยายสรรพคุณสินค้าอย่างน่าดึงดูด พร้อมกับราคาและรายละเอียดสำหรับการติดต่ออย่างครบถ้วน บางครั้งบอกแม้กระทั่งว่า นกที่นำมาประกาศขายนั้นลักลอบมาจากป่าไหน พร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ อีเมล ของผู้ประกาศขายอย่างชัดเจน บ่อยครั้งมีผู้มาประกาศหาซื้อนกป่าที่ต้องการซื้อเหมือนกัน และเช่นกันกับการค้าขายในตลาดนัดจตุจักร คือ นกตัวใดที่สถานภาพนั้นหายากและใกล้สูญพันธุ์ ราคาของมันจะสูงลิบจนน่าตกใจ
 
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ขบวนการค้านกในยุคโลกาภิวัตน์นั้น ขยายตัวไปอย่างไม่หยุดหย่อนจริงๆ โดยเข้าไปแทรกตัวอยู่ในส่วนของการซื้อขายสัตว์เลี้ยงในเว็บไซต์ต่างๆ การสื่อสารและการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็วกว้างไกล การติดต่อเชื่อมโยงกันทั่วโลกเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่ขยับนิ้วนั้น ได้ทำให้ตลาดการค้านกป่าไม่ถูกจำกัดไว้เฉพาะท้องที่อีกต่อไป และหากพิจารณาถึงข้อมูลจากตลาดค้านกในปัจจุบันก็จะเห็นว่ามีการส่งออก นำเข้านกจากต่างประเทศจำนวนมาก จนมีคำกล่าวกันแบบติดตลกแต่แอบเศร้าว่า ‘ความหลากหลายของนกในตลาดอย่างจตุจักรนั้นสูงกว่าป่าธรรมชาติหลายแห่ง’ 
 
 
 หลากหลายวิธีการ สังคมผู้ค้า บนโลกออนไลน์
 
               บ่อยครั้ง ที่รูปภาพนกจากห้องดูนกพันทิป หรือเวบไซต์ของกลุ่มนักดูนกและถ่ายภาพนก จะถูกคัดลอกนำมาเป็นภาพตัวอย่างของหัวข้อสนทนากันถึงแหล่งหาซื้อนกชนิดนั้นๆ ตามรูปที่ปรากฏ ไม่ต่างกับเป็นแคตตาลอก ใบสั่งซื้อกันเลยทีเดียว ซ้ำร้ายกว่านั้น เจ้าของรูปภาพนกที่ลงทุนพาตัวเอง เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าใช้จ่ายในด้านอื่นๆ ไปถ่ายนกในถิ่นที่อาศัยตามป่าเขาหรือแหล่งธรรมชาติ ไม่รู้ตัวเลยว่า ภาพนกของตนเอง ได้ถูกใช้ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการชื่นชมนกในธรรมชาติอย่างที่ตนต้องการ
               แล้วเมื่อ ‘นกป่า’ เป็นสินค้าที่มีราคาค่างวด การให้ได้มาซึ่งตัวสินค้าดูจะเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยไม่สนใจ ผลกระทบจากการจับนกเหล่านี้ออกจากธรรมชาติ จึงมีไม่น้อยครั้ง ที่พ่อค้าบางรายปลอมตัวเข้าไปในเว็บไซต์ของกลุ่มนักดูนก เพื่อสอบถามถึงแหล่งที่นักถ่ายภาพนกเก็บภาพนกชนิดนั้นๆ มาได้ เพื่อเป็นช่องทางให้พรรคพวกของตน ไปจับนกได้ถูกแหล่งที่มี และง่ายขึ้นในค้นหานกเป้าหมาย
 
               วิธีการที่จะได้มาซึ่ง ‘สินค้า’ คงพัฒนาไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ความต้องการจากผู้ซื้อ เป็นปัจจัยสนับสนุนวงจรการค้าชีวิตเหล่านี้ อย่างที่พอจะรู้กันในกลุ่มนักเลี้ยงนกและแลกเปลี่ยนค้าขายนกว่า “ใครมีนกป่า นกแพง นกหายาก มันทำให้มีหน้ามีตา” –มีการกล่าวชมยกยอกันในเว็บบอร์ดกระดานสนทนา เมื่อมีการเอาสัตว์มาอวดกัน และปัจจัยเหล่านี้เอง ที่ทำให้สมาชิก ไม่ว่าจะรายเก่าหรือรายใหม่ เมื่อได้อ่านข้อความของผู้เลี้ยงรายอื่น ก็ทำให้อยากได้ อยากมีไว้เลี้ยงครอบครองบ้าง เพียงค่านิยมในสินค้าสัตว์ป่ามีชีวิต จึงทำให้มีช่องทางการค้าขายนกเกิดขึ้นอย่างตลอดเวลา
 
               และที่ต้องประหลาดใจ เมื่อทราบว่า กลุ่มผู้ค้าในเว็บไซต์นั้น โดยส่วนใหญ่เป็นคนรวย หรือมีฐานะดี หลายราย เป็นเจ้าของกิจการ นักธุรกิจ บ้างเป็นคุณหมอ หลากหลายอาชีพ พูดกันตรงๆ ก็คือ ส่วนใหญ่ต้องการหารายได้เสริมจากที่มีมากพออยู่แล้ว อีกอย่างที่เป็นแรงเสริมที่กล่าวไปแล้วข้างต้นคือ “ความอยากอวดและเป็นความรู้สึกส่งเสริมบารมี”
 
               เริ่มตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2546 การเลี้ยงนก เกิดเป็นความนิยมขึ้นมาอย่างมาก มีเว็บไซต์ค้าขายนกขึ้นมามากจนนับไม่ถ้วน ส่งผลให้การขายนกป่าและนกบ้านมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว แน่นอนว่า ในตลาดนัดสัตว์เลี้ยงต่างๆ ก็มีการขายนกกันอย่างคึกคักเช่นกัน
 
               ซึ่งในช่วงนั้น ส่วนมากจะเป็นการขายนก ในรูปแบบที่พ่อค้าเจ้าของฟาร์ม ชักจูงให้คนที่อยากหารายได้พิเศษจากการขายนกมาเป็นลูกค้า รับนกโดยตรงจากฟาร์มแล้วไปเพาะเลี้ยงเองจนกระทั่งได้ผลผลิต
แล้วคนเหล่านั้นก็จะกลายเป็นพ่อค้านกอีกต่อหนึ่ง และจะมีพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยๆ เกิดตามมาอีกจำนวนมาก
เรียกว่าทำกันเป็นทอดๆ ต่อยอดกันไป ด้วยเหตุแห่งความคึกคักนี้ จึงทำให้เกิดมีการปั่นราคานกจนสูงขึ้นตลอดเวลา นกหลายชนิดมีมูลค่าเป็นหลักแสนบาททีเดียว จนเป็นเหตุให้วงการค้านกขยายมากขึ้นไปอีก
ด้วยผลจากความหวังที่จะรวย บนความทรมานของชีวิตในธรรมชาติ นั่นเอง
 
               ในช่วงนี้เอง ที่ทั้งนกป่าและนกเลี้ยงก็จะตกอยู่ในสภาพเดียวกัน คือถูกลักลอบนำมาขายเป็นจำนวนมาก นกแก้วไทยชนิดต่างๆ จะถูกจับออกจากป่ามากที่สุดในช่วงนี้ เพราะมีความนิยมเลี้ยงนิยมเพาะเพื่อขายต่อกันมาก รวมถึงนกจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย นกป่าทุกชนิดจากอินโดนีเซียก็จะเข้ามาจำนวนไม่น้อย
จากที่เคย ขนส่งมาโดยทางเรือเพียงทางเดียว ก็เพิ่มแอบซุกซ่อนมาในลังผลไม้ขนส่งมาทางรถขนผลไม้
ผ่านเข้าประเทศไทยทางชายแดนไทย-มาเลย์ เรียกได้ว่า “ไม่มีสิ่งใด หยุดความต้องการด้วยพลังซื้อมหาศาลของผู้เลี้ยงและค้าขายนกป่าเหล่านี้ได้”


แต่ไม่ว่าจะเอานกมาจากหนทางไหน การประกาศขายนกเหล่านั้น ก็จะต้องอาศัยช่องทางอินเตอร์เน็ทด้วยเพราะอินเตอร์เน็ทเปิดให้ประกาศขายนกได้โดยไม่เก็บค่าบริการ ทั้งนี้ เหตุที่เจ้าของเว็บไซต์ผู้เปิดให้บริการอย่างนี้ ก็เพื่อเป็นการกระตุ้นให้จำนวนคนเข้ามาชมเว็บไซต์ มีจำนวนมากเข้าไว้ ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์เอง หวังจะใช้ยอดสมาชิกจากจำนวนคนเข้าชมเว็บนี้ ไว้เอาไปขายโฆษณาอีกต่อหนึ่ง
 
 
ร่วมออฟไลน์ ธุรกิจค้านกป่า
              
แม้ว่า ดูเหมือนไร้หนทางในการหยุดยั้งวงจรแห่งการทำลายธรรมชาตินี้ ให้ได้ผลชะงักอย่างราวกับกระพริบตานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่การหาหนทางออก เพื่อพยายามอย่างที่สุดให้ทันก่อนถึงเวลาสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ของนกในธรรมชาติบางชนิด เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องพยายาม
 
ด้วยการคงอยู่ของนกในสภาพถิ่นธรรมชาติดังเดิม ยังประโยชน์แก่ระบบนิเวศของโลกใบนี้ นกแต่ละชนิดช่วยในการรักษาสมดุลของธรรมชาติ นกแต่ละกลุ่มทำหน้าที่ที่ต่างออกไป นกกินแมลง ควบคุมปริมาณแมลงให้มีไม่มากจนเกินไป นกกินผลไม้ป่า พาลูกไม้ไปปลูกในธรรมชาติ นกแต่ละตัวเป็นดั่งห่วงโซ่แต่ละข้อที่สำคัญในห่วงโซ่อาหาร ที่ต่อด้วยการกินกันเป็นทอดๆ จนเป็นห่วงโซ่ และโยงใยจนเป็นสายใยอาหาร ที่หากขาดสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่ง ย่อมส่งผลกระทบต่ออีกสิ่งมีชีวิตอีกชนิด อย่างเลี่ยงไม่ได้ เช่น เมื่อไม่มีนกแสก คอยกำจัดหนูท้องขาว ตามบ้านเรือน ปริมาณจำนวนหนูก็เพิ่มมากขึ้น เป็นตัวพาหะในการนำโรคระบาดสู่คน เช่น โรคฉี่หนู เป็นต้น นี้เพียงผลกระทบส่วนหนึ่งเท่านั้น แท้จริงแล้ว หากระบบธรรมชาติคงอยู่ไม่ได้ จนเสียสมดุล มนุษย์อย่างเรา ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบก็ไม่มีทางอยู่ได้เช่นกัน เราจึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อหยุดวงจรธุรกิจสีดำอันนี้
 
ในความเป็นจริงแล้ว การซื้อขายสัตว์ทุกชนิดบนอินเตอร์เน็ท เป็นการกระทำที่ขาดจริยธรรมอย่างยิ่ง ในประเทศที่เจริญแล้วเขาไม่ทำกัน หากเกิดการทำขึ้น ก็จะมีกลุ่มคนรักสัตว์และกลุ่มนักอนุรักษ์แจ้งหรือประท้วงให้หยุด โดยมีการทำจดหมายแจ้งไปที่เจ้าของเซฟเวอร์ที่ให้บริการอินเตอร์เน็ท เพื่อขอให้เซฟเวอร์นั้นหยุดให้บริการกับเว็บที่มีการประกาศซื้อขายสัตว์ทุกชนิดทั้งสัตว์บ้านและสัตว์ป่า อย่างเช่น กรณีที่เห็นชัดคือของ PETA ที่ประท้วง E-bay ให้หยุดทำการค้าสัตว์ทุกชนิดบนเว็บอย่างได้ผลมาแล้ว

               ในประเทศไทย หากทำได้ก็ควรหยุดและปิดบริการการค้าสัตว์ทุกชนิดบนอินเตอร์เน็ทไปเลย
เว็บต่างๆ ไม่น่าจะได้รับผลกระทบเรื่องรายได้จากตรงนี้ เพราะมันเพียงเล็กน้อยมาก และโดยมากพ่อค้าสัตว์ก็ใช้บริการลงประกาศขายฟรีอยู่แล้ว มีน้อยรายมากที่เสียค่าบริการ ส่วนเว็บใหญ่ๆ มีรายได้จากตรงส่วนอื่น เช่น ค่าแบนเนอร์โฆษณามากพออยู่แล้ว


เราคงต้องตั้งความหวัง ให้บรรดาเจ้าของเว็บไซต์แสดงรับผิดชอบต่อชีวิตสัตว์บ้าง อีกแนวทางหนึ่ง ที่คนรักษ์นก ชื่นชอบเห็นนกมีชีวิตอิสระ โบยบินทำหน้าที่ตามที่ธรรมชาติจัดสรรให้ จะทำได้ ก็คือ ในเบื้องต้น แจ้งเข้าไป ทางเว็บไซต์ที่มีการประกาศขาย การซื้อขายนกที่ปรากฏบนกระดานสนทนาของเว็บไซต์เขานั้น ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ลบออกโดยทันที ถ้าเป็นไปได้ น่าจะมีการส่งเอกสารรายชื่อนกที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองหรือได้รับการคุ้มครองในกฎหมาย ไม่ว่าฉบับใดก็ตาม ให้กับผู้ดูแลเว็บไซต์
เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ลบออกทันที หรือตั้งโปรแกรมการลบโดยอัตโนมัติ หากมีการประกาศขายนกตามรายชื่อเหล่านี้
อีกหนทางหนึ่งคือ การรวมตัวกันโดยมีแกนนำ ที่เป็นทั้งตัวตั้งตัวตี อาจเป็นขององค์กรต่างๆ ที่มีชื่อเสียง สถาบัน ชมรม บุคคล ฯลฯ ร่วมร่างจดหมาย รวมถึงการเข้าชื่อ ลงชื่อร่วมกัน เพื่อยื่นเสนอขอให้เขางดการซื้อขายสัตว์มีชีวิตอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ เปิดให้บริการซื้อขายเฉพาะต้นไม้และผลิตภัณฑ์เท่านั้น ก็น่าจะเหมาะสมแล้ว


ที่สำคัญไปกว่านั้น ความจริงของการค้าขายนกป่าในโลกออนไลน์นั้น รัฐไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ทั้งการค้าสัตว์ผิดกฎหมาย การควบคุมโรค เพราะรัฐแทบไม่รู้แหล่งที่มาของสัตว์
เนื่องจากการค้าสัตว์แบบง่ายๆ บนอินเตอร์เน็ทนี้ ได้อำนวยความสะดวกให้ใครก็ได้ สามารถนำสัตว์ของตัวเองที่เพาะขึ้นในบ้านมาประกาศขายได้สบายๆ บ้านใครที่มีซอกมุมเพียงเล็กน้อยที่หลังบ้านหรือข้างกำแพงบ้าน ก็จะถูกใช้เป็นที่เพาะเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้าได้ไม่ยาก


เมื่อเป็นเช่นนี้ การตรวจสอบเรื่องความสะอาด เรื่องการระบาดของโรค การกระจายของเชื้อโรค
รัฐไม่มีโอกาสทำได้เลย เพราะรัฐไม่สามารถรู้ว่า แหล่งรังของโรคอยู่ตรงไหน อย่างที่ใกล้ตัวเราสุด และรู้จักกันดี ก็คือ “ไข้หวัดนก”ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่อยู่จนทุกวันนี้ ซึ่งหลายปีมาแล้ว ตอนช่วงไข้หวัดนกระบาดใหม่ๆ มีข่าวหนาหูเหลือเกินว่า ฟาร์มนกต่างๆ ได้ลักลอบนำวัคซีนไข้หวัดนก มาฉีดให้นกในฟาร์มของตัวเองไปแล้ว ดังนั้น นกที่กำลังซื้อขายในตลาดนัดเวลานี้ จะเป็นนกที่มีภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งมีผลทำให้นกไม่แสดงอาการป่วย แต่นกอาจอมโรคไว้ ทำให้ความเสี่ยงของโรคไข้หวัดนกจะตกอยู่กับคนที่ซื้อนกไปเลี้ยงก็เป็นไปได้
 
               นอกจากนี้ ผู้ค้าสัตว์บนอินเตอร์เน็ท ยังหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอีกด้วย ซึ่งเป็นการเอาเปรียบรัฐในทุกทาง ไม่เท่านั้น เพราะปัญหาของเสียงรบกวนก็เป็นปัญหาใหญ่ที่เพื่อนบ้านใกล้เคียงต้องรับชะตากรรม ปัญหาความสกปรกที่เกิดจากการเลี้ยงสัตว์จำนวนมากในที่แคบและแออัดก็จะตามมา กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่จะรบกวนเพื่อนบ้าน บางคนก็ทำฟาร์มเพาะสัตว์กันในทาวน์เฮาส์หรือบ้านที่มีเนื้อที่เพียงเล็กน้อยและอยู่ติดชิดกันมากกับหลังอื่น
 
เมื่อไม่มีการซื้อขายกันทางอินเตอร์เน็ท การซื้อขายสัตว์ก็ต้องทำกันโดยชัดเจน มีตัวตนให้รัฐและเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขเข้าไปตรวจสอบและควบคุมได้ แต่หากไม่สามารถขอความร่วมมือกับทางภาครัฐได้เลย และไม่มีกลุ่มคนลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสัตว์
สัตว์ป่าทุกชีวิตในประเทศไทยคงอยู่ในวังวนที่วังเวงเช่นนี้ต่อไปอีกยาวนาน และข้อหาที่ว่า “มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์แห่งการทำลายล้าง” ก็คงไม่ใช่ข้อความเกินจริงอีกต่อไป

 
*หากพบการกระทำผิด อย่างเช่น การค้านกป่า แจ้ง 1136 เบอร์ของ บก. ปทส. หรือ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

Comments

ความคิดเห็น

ความเห็นที่ 1

เมื่ออนาคตเหล่านั้นไม่ใช่ของเค้า ไยเล่าจะต้องใส่ใจ

ขอแชร์นะคับพี่ทอม

ความเห็นที่ 2

"ในประเทศไทย "หากทำได้ก็ควรหยุดและปิดบริการการค้าสัตว์ทุกชนิดบนอินเตอร์เน็ทไปเลย"
เว็บต่างๆ ไม่น่าจะได้รับผลกระทบเรื่องรายได้จากตรงนี้ เพราะมันเพียงเล็กน้อยมาก และโดยมากพ่อค้าสัตว์ก็ใช้บริการลงประกาศขายฟรีอยู่แล้ว มีน้อยรายมากที่เสียค่าบริการ ส่วนเว็บใหญ่ๆ มีรายได้จากตรงส่วนอื่น เช่น ค่าแบนเนอร์โฆษณามากพออยู่แล้ว"


ออกมายอมรับตรงๆเลยว่า ผมนี่แหละคนนึงที่เคยติดต่อขอซื้อทางเนต
แต่เป็นนกเลิฟเบิร์ดเพศเมีย(ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่นกป่าแน่ๆ) โดยติดต่อถามรายละเอียดผ่าน siamphoenix แล้วไปรับนกด้วยมือตัวเอง
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันผิดจริยธรรมตรงไหน?

ความเห็นที่ 3

มันก็ไม่ผิดหรอกค่ะ ถ้านกตัวนั้นเป็นนกที่ผสมพันธุ์เอง จากพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์ที่ไม่ได้จับมาจากในป่าโดยการพรากลูกพรากพ่อ พรากแม่เค้ามา นกก็เหมือนกับคนนะค่ะ มีหัวใจเหมือนเราต่างกับเราแค่คุยกับเราไม่รู้เรื่อง ลองสังเกตดูซิค่ะนกที่เอามาขังในกรงถึงเราจะเล่นกับเค้า คุยกับเค้าทุกวัน เค้าก็เหมือนกับซากขึ้นไปทุกที ธรรมชาติของนกมีปีกไว้โบยบินค่ะ ถ้ามีคนขังคุณไว้ในห้องที่มองไปข้างนอกก็เห็น ขาก็เดินออกไปได้ แต่ไม่มีลูกกุญแจไขออก จะคุ้มค่าที่เกิดมารึปล่าวค่ะ ลองคิดดูซักนิด...

ความเห็นที่ 4

เท่าที่ทราบ ใน siamphoenix เค้าก็พยายามแบนกระทู้ที่ซื้อขายสัตว์ป่าคุ้มครองอยู่เหมือนกันครับ แต่บางกระทู้มันก็อาจหลงหูหลงตามาบ้าง แต่พบน้อยครับ

ส่วนมากที่เจอ จะเป็นกระทู้ถามเกี่ยวกับวิธีเลี้ยงลูกนก(ที่อาจเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง) ที่ถูกจับได้เพราะร่วงหล่นจากรัง ผู้ที่เคยมีข้อมูลก็เลยมาอธิบายวิธีอนุบาลให้ทราบ เท่านั้นเอง
(แต่ก็นั่นแหละ มันอาจมีพวกที่อยากซื้อไปเลี้ยงแล้วแกล้งปลอมตัวมาถาม แต่เราจะไปตีความแบบนั้นเสียหมดก็ไม่ได้ อย่างน้อยการอธิบายวิธีเลี้ยงก็เป็นโอกาสช่วยลูกนกได้อีกทางหนึ่ง)

ความเห็นที่ 5

ไม่ว่าชีวิตของใคร ก็ย่อมรักชิวิตด้วยกันทั้งนั้น ทุกชีวิตก้มีความสำคัญเหมือนกัน
อย่าเบียดเบียนกัน เพียงแค่ด้วยว่า เราแข็งแรงกว่า เราฉลาดกว่า เรารวยกว่า
อยากให้ทุกชีวิตอยู่ด้วยกันแบบเกื้อกูล
ถ้าคุณยังมองไม่เห็นความสุขจากธรรมชาติ ลองคิดดูว่า เวลาที่คุณไปเทียวป่า เดินเข้าไปในนั้น ระหว่างทางที่เดินคุณได้ยินเสียงนกมากมาย ก็สงสัยและเริ่มค้นหาว่านกอะไรนะ แล้วนกนั้นอยู่ตรงไหน และแล้วคุณหาเจอแล้วรู้ได้ว่า เสียงร้องแบบนี้ สีัแบบนี้ ลักษณะแบบนี้ คือนกที่คุณบอกชื่อได้ถูกต้อง คุณก็จดจำนกตัวนั้นที่สร้าความประทับใจให้คุณได้ไม่มีวันลืม แะถ้าคุณเดินป่ามาอีกครั้งคุณก็จะเจอเจ้านกตัวนั้น ได้ยินเสียงที่ทำให้คุณมีความสุข
แต่ถ้าทุกคนเฝ้าแต่ที่จะเอานกตัวที่เราชื่นชอบออกจากป่าซึ่งเป็นบ้านของมันมาอยู่ที่ซึ่งคุณจัดไว้ให้อย่างดี แต่คุณจะรู้ไม่ว่า ป่าคือสิ่งที่มีความสุขของนก ถ้าคุณรักนก คุณก็ต้องรักในความเป็นนก ไม่ใช่รักเพราะอยากครอบครองตัวมัน

ความเห็นที่ 6

อย่าว่าแต่ค้าขายสัตว์ป่า นกป่าเลยครับ ร้านอาหารป่าโฆษณากันขายกันทุกวัน แกงเก้ง กวาง กระจง นก อีเห็น เม่น ลิ่น ฯลฯ มันมีกฎหมายอนุญาตให้ขายได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่เห็นมีใครไปดำเนินการตามกฎหมาย กรรมของสัตว์ครับ

ความเห็นที่ 7

เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ที่เขาใหญ่เส้นทางปราจีน แถวสแกราชก็มีสัตว์ป่ามาขายเหมือนกัน
ขนาดอยู่ติดกับค่ายนะยังเอามาขายไม่เกรงใจกันเลย สัตว์ป่าบางชนิดก็หายากมาก
เคยไปที่อุบล ไปช่องแมก มีนกเงือก สัตว์ป่าหายากมาขายเยอะมากอยากซื้อมาปล่อยในไทย
มากเลยแต่ถ้าซื้อก็ได้นะ แต่พอข้ามมาไทยก็โดนจับทันที่ มีของป่าและกล้วยไม้ป่าด้วย
ยกเว้นคนป่าไม่มีขาย จ้า

ความเห็นที่ 8

ผมขออณุญาตแชร์ในเฟสหน่อยนะครับ

ความเห็นที่ 9

ก็เห็นด้วย แต่บางทีเราก็เป็นผู้อุดหนุนตลาดนี้  คือ จริงๆ จุดประสงค์คือ สงสาร เห็นเอามาขาย อัดกันในกรงเดียว อึดอัดแทน กินก็คงไม่อิ่ม ก็ไปต่อรอง ซื้อมาทีเยอะพอควร ก็คิดว่าจะซื้อมาเลี้ยงช่วงหนึ่ง พอให้เค้าแ็ข็งแรง แล้วก็เอาไปปล่อยที่เขาเขียว หลายล็อตแล้ว มีบางครั้ง เราเอามายังไม่ทันปล่อยเค้าก็ไปสบายเสียก่อนก็มี (รู้สึกแย่ เค้าตายในมือเรา)

ทำอย่างนี้มานานพอควร จนไปเจอสารคดี เรื่องจับสัตว์ป่ามาขาย ทำให้ฉุกใจได้ เราทำผิด ความสงสารเค้า มันก็กลับไปสนับสนุน คนขายเสียนี่ แต่ตอนนี้ทำใจ และตัดใจ ไม่ไปเพิ่ม demand ในตลาดดีกว่า ไป jj ก็จะเลี่ยงไม่เดินผ่าน ไม่เห็นดีกว่า เห็นแล้วสงสาร ไม่ใช่แค่นก แต่ที่เห็น มีหลายอย่างจริงๆ  เราช่วยอะไรไม่ได้มาก ก็เริ่มที่ตัวเรานี่แหละ



ความเห็นที่ 10

น่าสงสาร

ความเห็นที่ 11

siamphoenix ผิดอ่ะไรหรอครับ เค้าก็ต่อต้านการซื้อขายนกป่าอยู่แล้วอย่างที่ re2 ว่า คุณมาเขียนบรรยายซ่ะขนาดนั้นก็ไม่สมควรเท่าไหร่ เว็บสยามเป็นเว็บสาธาระณะ เราจะไปห้ามคนโพสก็ไม่ได้ แต่พอมีกระทู้ของป่าขึ้นมาเค้าก็พยายามจะป้องกันหรือในเมื่อมีคนซื้อไปแล้วหรือเจอโดยบังเอิญเค้าก็แค่ให้คำปรึกษา ก็เพื่อให้สัตว์เหล่านั้นรอดตาย นี่แหละที่ผมเห็นก็มีแค่นี้ เค้าหวังดีไม่ได้หวังร้ายน่ะครับผมว่าคุณน่าจะศึกษาเจตนาให้ดีซ่ะก่อน แล้วค่อยเหมาจะดีกว่า อย่างนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรเลย ผมดูแล้วหดหู่ยังไงไม่รู้ครับ เพราะผมก็คือคนหนึ่งที่เข้าดูเว็บนั้นบ่อยๆ มีแต่คำปรึกษาไม่เคยเห็นว่าสนับสนุนสักที....ลองดูใหม่น่ะครับ

ความเห็นที่ 12

ถ้าเจ้าหน้าที่ๆมีหน้าที่ดูแลการขายนกป่า ผมจะบอกให้ไปจับได้เลยครับที่รีสอร์ทที่เมืองกาญน่ะครับรับซื้อนกป่าหลายชนิดมาขังไว้เยอะมากเก็บไว้ขายให้กลับคนที่มาพักที่รีสอร์ทผมเห็นเอามาขังรวมกันตัวไหนตายก็จะนำไปให้นกเหยี่ยวกินตอนนั้นผมไปพักโดยที่ไม่รู้แต่เห็นสวยดีก็เลยซื้อมาหนึ่งคู่นกสาริกาดงเอามาเลี้ยงได้เดือนสองเดือนก็เลยนำไปปล่อยไนป่าทางปทุมธานีและอีกที่ก็ทางไปแม่สอดเลยแยกบริษัทผาแดงไปสัก 15 กิโลตลาดข้างทางตอนเช้าจะมีมาขายครับ