Photo essay : ป่าแม่วงก์ (บริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อน)
เขียนโดย นณณ์ Authenticated user เมื่อ 21 ตุลาคม 2556
เรื่อง/ภาพ: ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
เชื่อว่าหลายๆท่านยังไม่เคยเห็นป่าแม่วงก์ บริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อน บางคนก็บอกเป็นป่าเสื่อมโทรม บางคนก็บอกมันสวยจะตาย ป่าเต็งรังก็เป็นแบบนี้แหล่ะ ต้นไม้จะไม่ได้หนาแน่นเหมือนป่าดงดิบ อีกคนบอกป่าตรงนี้เคยมีชาวบ้านอยู่ เคยถูกสัมประทานไม้มาก่อน เป็นป่าปลูกต้นเล็กๆ ก็ว่ากันไป
ผมโชคดีมีกิจการอยู่ใกล้บริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อน เลยโฉบไปโฉบมาอยู่ 2-3 ครั้ง นอกจากนั้นยังได้มีโอกาสร่วมกับคณะที่สำรวจป่าเพื่อทำ EHIA ด้วย จึงมีโอกาสเข้าไปในป่าลึกบริเวณ ขุนน้ำเย็น ซึ่งเป็นจุดที่น้ำจะท่วมถึงบริเวณด้านในของอ่างเก็บน้ำถ้ามีการสร้างเขื่อน สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น ไม่มีบทความยืดๆยาวๆให้เสียเวลา ดูภาพและข้อมูลประกอบภาพแล้วตัดสินใจกันเองดีกว่าครับว่า สมบูรณ์ หรือ เสื่อมโทรม? ควรจะรักษาไว้ หรือ ทำลายไปก็ไม่เสียดาย?
![](/sites/default/files/u75/view_heaven.jpg)
1. ใครที่ไปป่าแม่วงก์ บริเวณหน่วยแม่เรวา ก็จะได้เห็นภาพประมาณนี้ครับ เราสามารถขับรถจนแทบจะลงไปล้างรถได้เลย ลำน้ำแม่วงก์ ตรงจุดที่ถ่ายภาพนี้เลยที่จะมีการสร้างเขื่อน แนวสันเขื่อนจะแทยงจากมุมซ้ายล่างของภาพไปจนถึงป่าอีกฝั่งที่มุมขวาบน ภาพนี้ถ่ายเดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นเดือนกลางหน้าแล้ง น้ำใสไหลเย็นมีปริมาณมากครับ จากภาพจะเห็นว่าป่าด้านหลังแห้งกรอบ ผลัดใบกันขนานใหญ่ ซึ่งเป็นลักษณะปกติของป่าเต็งรัง หรือ เบญจพรรณ ที่จะมีการผลัดใบในฤดูแล้ง แต่จะเห็นว่าป่าหญ้าริมน้ำยังเขียวชะอุ่มเป็นอาหารให้สัตว์กินหญ้าได้ตลอดปี
![](/sites/default/files/u75/rapid.jpg)
2. ลำน้ำแม่วงก์บริเวณนี้เรียกกันว่า "แก่งลานนกยูง" ครับ แก่งเปรียบเสมือนปอดของสายน้ำเป็นจุดแลกเปลี่ยนก๊าซ ปล่อยคาร์ไดออกไซด์ รับ ออกซิเจน ลานหินลานทรายริมลำน้ำเป็นจุดที่นกยูงเพศผู้ใช้เป็นที่ลำแพนหางจีบตัวเมีย จึงได้ชื่อนี้มา
![](/sites/default/files/u75/stream.jpg)
3. ลำธารที่ราบแบบนี้เล่นน้ำสนุกไม่อันตรายครับ คนมาเที่ยวกันเยอะ
![](/sites/default/files/u75/kayak.jpg)
4. พายคายัคล่องแก่งก็สนุกดีครับ ไม่ยากจนเกินไป โดยเฉพาะในฤดูที่น้ำไม่แรงมาก
![](/sites/default/files/u75/hypsibarbus.jpg)
5. ลำน้ำตรงนี้ถือว่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งที่ผมเคยสำรวจปลามา ในภาพคือปลาตะพากส้ม เป็นปลาที่ชอบอาศัยอยู่ในลำธารที่ราบต่ำแบบนี้ครับ เพียงแค่ไปยืนอยู่ที่บริเวณหาดทรายหน้าบ้านพัก ก็จะเจอพวกเขาว่ายกันอยู่มากมาย
![](/sites/default/files/u75/sign_fish.jpg)
6. ยังมีปลาอีกมากมายเลยที่อาศัยอยู่ในลำน้ำแห่งนี้ มีไม่กี่ชนิดที่จะอาศัยและสืบพันธุ์ในแหล่งน้ำนิ่งในลักษณะของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนได้
![](/sites/default/files/u75/otter_track.jpg)
7. ถ้าเราใช้เสือแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า ในแหล่งน้ำก็ใช้นากครับ เพราะเป็นสัตว์ที่เป็นผู้ล่าสูงสุดในแหล่งน้ำจืดแบบนี้แล้ว ที่ลำน้ำแม่วงก์บริเวณนี้ เราสามารถพบรอยเท้านากได้ทั่วไป วันไหนเงียบๆ เจ้าหน้าที่ว่าขึ้นมานั่งเล่นอยู่บนหาดหน้าบ้านพักเลย ดวงของเรายังไม่สมพงษ์กันสักทีนะคุณนากนะ
![](/sites/default/files/u75/snail_0.jpg)
8. ไม่ใช่ว่าจะสวยงามไปเสียหมด ในลำน้ำแม่วงก์ถูกหอยเชอรี่บุกรุกอยู่เหมือนกัน แต่เนืองจากว่าเป็นระบบนิเวศน้ำไหลที่หอยเชอรี่ไม่เชี่ยวชาญ มันจึงมีปริมาณไม่มากนัก ลองสร้างเขื่อนกักน้ำให้นิ่ง มีซากพืชเยอะๆ มีตอไม้ให้ไข่ รับรองว่าเขื่อนแม่วงก์เป็นบ่อเพาะหอยเชอรี่แน่นอน
![](/sites/default/files/u75/peacock4.jpg)
9. ลานนกยูงมีนกยูงจริงไหม? มีสิ มีเยอะด้วย พบเห็นได้ง่ายด้วย และเป็นพันธุ์ไทยแท้แน่นอน หินก้อนนี้อยู่ตรงข้ามกับถนนเลย ไปดูได้ทุกวันครับ ภาพไม่ได้ถ่ายจากที่อื่น
![](/sites/default/files/u75/peacock_display.jpg)
10. หนุ่มนี้ จีบสาวอยู่ข้างลานจอดรถเลยครับ วิธีการจำแนกยูงไทยออกจากยูงอินเดียง่ายๆ คอเขียว แก้มเหลือง จุกตรง ครับ
![](/sites/default/files/u75/peacock.jpg)
11. คุณแม่พาคุณลูก(โข่งพอควรแล้ว)ออกหากินอยู่ตรงลานหน้าที่ทำการหน่วยแม่เรวาเลยหล่ะ
![](/sites/default/files/u75/forest2.jpg)
12. มาดูป่ากันบ้าง จริงไหมว่าตรงนี้เป็นป่าเสื่อมโทรม อันนี้เป็นป่าด้านนอก บริเวณที่เคยมีคนอยู่ โล่งนิดหนึ่งครับ
![](/sites/default/files/u75/forest.jpg)
13. ภาพนี้เป็นบริเวณใกล้ๆกับหน่วยขุนน้ำเย็น เป็นป่าด้านในส่วนท้ายสุดของเขื่อน เป็นป่าสักที่สมบูรณ์มาก ทั้งต้นเล็กต้นใหญ่เต็มไปหมด มีร่องรอยของสัตว์ป่าให้เห็นทั่วไป
![](/sites/default/files/u75/saltlick.jpg)
14. โป่งเทียมริมถนน พบรอยเท้าสัตว์กีบ พวก เก้ง กวาง และ หมูป่า ครับ
![](/sites/default/files/u75/vomit.jpg)
15. ซากอีเห็น น่าจะเป็นผลงานของเสือขนาดเล็ก
![](/sites/default/files/u75/shit.jpg)
16. อึสัตว์กินผลไม้ น่าจะพวกอีเห็นนี่แหล่ะ
![](/sites/default/files/u75/track.jpg)
17. รอยเท้าสัตว์กีบ ขนาดใหญ่ทีเดียว
![](/sites/default/files/u75/forest1.jpg)
18. บรรยากาศป่า
![](/sites/default/files/u75/teak_cut.jpg)
19. กลับมาที่ป่าด้านนอก ป่าบริเวณนี้เคยโดนสัมประทานไม้ครับ เห็นต้นสักแบบที่งอกออกมาจากตอเก่าของต้นแม่แบบนี้อยู่ทั่วไป
![](/sites/default/files/u75/butterfly.jpg)
20. มาดูพวกแมง/แมลงกันบ้างครับ ผีเสื้อริมลำน้ำ
![](/sites/default/files/u75/pyrops.jpg)
21. จั๊กจั่นงวง
![](/sites/default/files/u75/cockroach.jpg)
22. แมลงสาปยังสวย อิ อิ
![](/sites/default/files/u75/snake.jpg)
23. เดินป่าให้สมบูรณ์แค่ไหน คืนหนึ่งเจองูสักตัวสองตัวก็หรูแล้ว คืนนั้นที่เดินเจอสองตัวครับ ตัวนี้งูปี่แก้ว เป็นงูไม่มีพิษครับ
![](/sites/default/files/u75/snake1.jpg)
24. งูปล้องฉนวนบ้าน เจอไล่งับกบอยู่ริมลำธาร
![](/sites/default/files/u75/plant.jpg)
25. พืชบางกลุ่มต้องการโขดหินริมลำธารเป็นบ้านครับ
![](/sites/default/files/u75/wood_pecker.jpg)
26. พวกนกหัวขวานพวกนี้ชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่งสักหน่อย
![](/sites/default/files/u75/writhia.jpg)
27. โมกหลวงขึ้นอยู่ริมน้ำเลย
![](/sites/default/files/u75/algae.jpg)
28. สาหร่ายที่เก็บจากลำน้ำแม่วงก์ สามารถนำมารับประทานได้
![](/sites/default/files/u75/gwawkrue.jpg)
29. กวาวเครือ เป็นพืชสมุนไพร
![](/sites/default/files/u75/garra_cambodgiensis1.jpg)
30. ปลาเลียหิน หากินตะไคร่ที่ขึ้นกับหินตามแหล่งน้ำไหล พบมากในบริเวณแก่งลานนกยูง ปลาสกุลนี้ทั้งหมด ไม่สามารถอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนิ่งได้ครับ
![](/sites/default/files/u75/nemacheilus_binotatus1.jpg)
31. ค้อสามแถบเป็นปลาที่พบเฉพาะบริเวณลำธารที่ราบครับ
![](/sites/default/files/u75/damsel.jpg)
32. กลุ่มแมลงปอเข็มน้ำตก พวกนี้อยู่กับน้ำไหลเช่นกัน
![](/sites/default/files/u75/rapid_0.jpg)
33. บางตอนของลำน้ำจะแบ่งเป็นแก่งเล็กแก่งน้อย สร้างเขื่อนก็ถมหมดครับ สร้างเขื่อนแล้วแก่งมันจะมาจากไหน?
![](/sites/default/files/u75/beachview.jpg)
34. ใครว่าง ลองหาเวลาไปเที่ยวกันครับ
เชื่อว่าหลายๆท่านยังไม่เคยเห็นป่าแม่วงก์ บริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อน บางคนก็บอกเป็นป่าเสื่อมโทรม บางคนก็บอกมันสวยจะตาย ป่าเต็งรังก็เป็นแบบนี้แหล่ะ ต้นไม้จะไม่ได้หนาแน่นเหมือนป่าดงดิบ อีกคนบอกป่าตรงนี้เคยมีชาวบ้านอยู่ เคยถูกสัมประทานไม้มาก่อน เป็นป่าปลูกต้นเล็กๆ ก็ว่ากันไป
ผมโชคดีมีกิจการอยู่ใกล้บริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อน เลยโฉบไปโฉบมาอยู่ 2-3 ครั้ง นอกจากนั้นยังได้มีโอกาสร่วมกับคณะที่สำรวจป่าเพื่อทำ EHIA ด้วย จึงมีโอกาสเข้าไปในป่าลึกบริเวณ ขุนน้ำเย็น ซึ่งเป็นจุดที่น้ำจะท่วมถึงบริเวณด้านในของอ่างเก็บน้ำถ้ามีการสร้างเขื่อน สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น ไม่มีบทความยืดๆยาวๆให้เสียเวลา ดูภาพและข้อมูลประกอบภาพแล้วตัดสินใจกันเองดีกว่าครับว่า สมบูรณ์ หรือ เสื่อมโทรม? ควรจะรักษาไว้ หรือ ทำลายไปก็ไม่เสียดาย?
![](/sites/default/files/u75/view_heaven.jpg)
1. ใครที่ไปป่าแม่วงก์ บริเวณหน่วยแม่เรวา ก็จะได้เห็นภาพประมาณนี้ครับ เราสามารถขับรถจนแทบจะลงไปล้างรถได้เลย ลำน้ำแม่วงก์ ตรงจุดที่ถ่ายภาพนี้เลยที่จะมีการสร้างเขื่อน แนวสันเขื่อนจะแทยงจากมุมซ้ายล่างของภาพไปจนถึงป่าอีกฝั่งที่มุมขวาบน ภาพนี้ถ่ายเดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นเดือนกลางหน้าแล้ง น้ำใสไหลเย็นมีปริมาณมากครับ จากภาพจะเห็นว่าป่าด้านหลังแห้งกรอบ ผลัดใบกันขนานใหญ่ ซึ่งเป็นลักษณะปกติของป่าเต็งรัง หรือ เบญจพรรณ ที่จะมีการผลัดใบในฤดูแล้ง แต่จะเห็นว่าป่าหญ้าริมน้ำยังเขียวชะอุ่มเป็นอาหารให้สัตว์กินหญ้าได้ตลอดปี
![](/sites/default/files/u75/rapid.jpg)
2. ลำน้ำแม่วงก์บริเวณนี้เรียกกันว่า "แก่งลานนกยูง" ครับ แก่งเปรียบเสมือนปอดของสายน้ำเป็นจุดแลกเปลี่ยนก๊าซ ปล่อยคาร์ไดออกไซด์ รับ ออกซิเจน ลานหินลานทรายริมลำน้ำเป็นจุดที่นกยูงเพศผู้ใช้เป็นที่ลำแพนหางจีบตัวเมีย จึงได้ชื่อนี้มา
![](/sites/default/files/u75/stream.jpg)
3. ลำธารที่ราบแบบนี้เล่นน้ำสนุกไม่อันตรายครับ คนมาเที่ยวกันเยอะ
![](/sites/default/files/u75/kayak.jpg)
4. พายคายัคล่องแก่งก็สนุกดีครับ ไม่ยากจนเกินไป โดยเฉพาะในฤดูที่น้ำไม่แรงมาก
![](/sites/default/files/u75/hypsibarbus.jpg)
5. ลำน้ำตรงนี้ถือว่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งที่ผมเคยสำรวจปลามา ในภาพคือปลาตะพากส้ม เป็นปลาที่ชอบอาศัยอยู่ในลำธารที่ราบต่ำแบบนี้ครับ เพียงแค่ไปยืนอยู่ที่บริเวณหาดทรายหน้าบ้านพัก ก็จะเจอพวกเขาว่ายกันอยู่มากมาย
![](/sites/default/files/u75/sign_fish.jpg)
6. ยังมีปลาอีกมากมายเลยที่อาศัยอยู่ในลำน้ำแห่งนี้ มีไม่กี่ชนิดที่จะอาศัยและสืบพันธุ์ในแหล่งน้ำนิ่งในลักษณะของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนได้
![](/sites/default/files/u75/otter_track.jpg)
7. ถ้าเราใช้เสือแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า ในแหล่งน้ำก็ใช้นากครับ เพราะเป็นสัตว์ที่เป็นผู้ล่าสูงสุดในแหล่งน้ำจืดแบบนี้แล้ว ที่ลำน้ำแม่วงก์บริเวณนี้ เราสามารถพบรอยเท้านากได้ทั่วไป วันไหนเงียบๆ เจ้าหน้าที่ว่าขึ้นมานั่งเล่นอยู่บนหาดหน้าบ้านพักเลย ดวงของเรายังไม่สมพงษ์กันสักทีนะคุณนากนะ
![](/sites/default/files/u75/snail_0.jpg)
8. ไม่ใช่ว่าจะสวยงามไปเสียหมด ในลำน้ำแม่วงก์ถูกหอยเชอรี่บุกรุกอยู่เหมือนกัน แต่เนืองจากว่าเป็นระบบนิเวศน้ำไหลที่หอยเชอรี่ไม่เชี่ยวชาญ มันจึงมีปริมาณไม่มากนัก ลองสร้างเขื่อนกักน้ำให้นิ่ง มีซากพืชเยอะๆ มีตอไม้ให้ไข่ รับรองว่าเขื่อนแม่วงก์เป็นบ่อเพาะหอยเชอรี่แน่นอน
![](/sites/default/files/u75/peacock4.jpg)
9. ลานนกยูงมีนกยูงจริงไหม? มีสิ มีเยอะด้วย พบเห็นได้ง่ายด้วย และเป็นพันธุ์ไทยแท้แน่นอน หินก้อนนี้อยู่ตรงข้ามกับถนนเลย ไปดูได้ทุกวันครับ ภาพไม่ได้ถ่ายจากที่อื่น
![](/sites/default/files/u75/peacock_display.jpg)
10. หนุ่มนี้ จีบสาวอยู่ข้างลานจอดรถเลยครับ วิธีการจำแนกยูงไทยออกจากยูงอินเดียง่ายๆ คอเขียว แก้มเหลือง จุกตรง ครับ
![](/sites/default/files/u75/peacock.jpg)
11. คุณแม่พาคุณลูก(โข่งพอควรแล้ว)ออกหากินอยู่ตรงลานหน้าที่ทำการหน่วยแม่เรวาเลยหล่ะ
![](/sites/default/files/u75/forest2.jpg)
12. มาดูป่ากันบ้าง จริงไหมว่าตรงนี้เป็นป่าเสื่อมโทรม อันนี้เป็นป่าด้านนอก บริเวณที่เคยมีคนอยู่ โล่งนิดหนึ่งครับ
![](/sites/default/files/u75/forest.jpg)
13. ภาพนี้เป็นบริเวณใกล้ๆกับหน่วยขุนน้ำเย็น เป็นป่าด้านในส่วนท้ายสุดของเขื่อน เป็นป่าสักที่สมบูรณ์มาก ทั้งต้นเล็กต้นใหญ่เต็มไปหมด มีร่องรอยของสัตว์ป่าให้เห็นทั่วไป
![](/sites/default/files/u75/saltlick.jpg)
14. โป่งเทียมริมถนน พบรอยเท้าสัตว์กีบ พวก เก้ง กวาง และ หมูป่า ครับ
![](/sites/default/files/u75/vomit.jpg)
15. ซากอีเห็น น่าจะเป็นผลงานของเสือขนาดเล็ก
![](/sites/default/files/u75/shit.jpg)
16. อึสัตว์กินผลไม้ น่าจะพวกอีเห็นนี่แหล่ะ
![](/sites/default/files/u75/track.jpg)
17. รอยเท้าสัตว์กีบ ขนาดใหญ่ทีเดียว
![](/sites/default/files/u75/forest1.jpg)
18. บรรยากาศป่า
![](/sites/default/files/u75/teak_cut.jpg)
19. กลับมาที่ป่าด้านนอก ป่าบริเวณนี้เคยโดนสัมประทานไม้ครับ เห็นต้นสักแบบที่งอกออกมาจากตอเก่าของต้นแม่แบบนี้อยู่ทั่วไป
![](/sites/default/files/u75/butterfly.jpg)
20. มาดูพวกแมง/แมลงกันบ้างครับ ผีเสื้อริมลำน้ำ
![](/sites/default/files/u75/pyrops.jpg)
21. จั๊กจั่นงวง
![](/sites/default/files/u75/cockroach.jpg)
22. แมลงสาปยังสวย อิ อิ
![](/sites/default/files/u75/snake.jpg)
23. เดินป่าให้สมบูรณ์แค่ไหน คืนหนึ่งเจองูสักตัวสองตัวก็หรูแล้ว คืนนั้นที่เดินเจอสองตัวครับ ตัวนี้งูปี่แก้ว เป็นงูไม่มีพิษครับ
![](/sites/default/files/u75/snake1.jpg)
24. งูปล้องฉนวนบ้าน เจอไล่งับกบอยู่ริมลำธาร
![](/sites/default/files/u75/plant.jpg)
25. พืชบางกลุ่มต้องการโขดหินริมลำธารเป็นบ้านครับ
![](/sites/default/files/u75/wood_pecker.jpg)
26. พวกนกหัวขวานพวกนี้ชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่งสักหน่อย
![](/sites/default/files/u75/writhia.jpg)
27. โมกหลวงขึ้นอยู่ริมน้ำเลย
![](/sites/default/files/u75/algae.jpg)
28. สาหร่ายที่เก็บจากลำน้ำแม่วงก์ สามารถนำมารับประทานได้
![](/sites/default/files/u75/gwawkrue.jpg)
29. กวาวเครือ เป็นพืชสมุนไพร
![](/sites/default/files/u75/garra_cambodgiensis1.jpg)
30. ปลาเลียหิน หากินตะไคร่ที่ขึ้นกับหินตามแหล่งน้ำไหล พบมากในบริเวณแก่งลานนกยูง ปลาสกุลนี้ทั้งหมด ไม่สามารถอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนิ่งได้ครับ
![](/sites/default/files/u75/nemacheilus_binotatus1.jpg)
31. ค้อสามแถบเป็นปลาที่พบเฉพาะบริเวณลำธารที่ราบครับ
![](/sites/default/files/u75/damsel.jpg)
32. กลุ่มแมลงปอเข็มน้ำตก พวกนี้อยู่กับน้ำไหลเช่นกัน
![](/sites/default/files/u75/rapid_0.jpg)
33. บางตอนของลำน้ำจะแบ่งเป็นแก่งเล็กแก่งน้อย สร้างเขื่อนก็ถมหมดครับ สร้างเขื่อนแล้วแก่งมันจะมาจากไหน?
![](/sites/default/files/u75/beachview.jpg)
34. ใครว่าง ลองหาเวลาไปเที่ยวกันครับ
![ลาครับ](http://www.siamensis.org/sites/default/files/imagecache/webboard_preview/peacock1_2.jpg)
Comments
ความคิดเห็น
ความเห็นที่ 1
ความเห็นที่ 2
ความเห็นที่ 3
ความเห็นที่ 4
ความเห็นที่ 5
ความเห็นที่ 6
http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement589.htm
กระผมเลยขอนำมาวิจารณ์เป็นข้อๆ ดังนี้
1) "หลายคนเห็นป่า ณ สถานที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์แล้วเสียดาย ไม่อยากให้ตัดทิ้งไปสร้างเขื่อน แต่ความจริงก็คือป่านี้เพิ่งสร้างขึ้นมาเพื่อต้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์นั่นเอง"
ความเห็นที่ 7
::: เนื้อหาตรงนี้ไม่มีในข้อมูลอ้างอิงใน {4} ผู้เขียนควรอ้างถึง ที่มาของข้อมูลด้วย
::: ธรรมชาติของป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ต้นไม้ตามธรรมชาติ ไม่ใช่ต้นไม้ยักษ์แบบที่พบป่าดงดิบอยู่แล้ว ป่าที่ยังมีบทบาทสำคัญคงขับเคลื่อนไปได้ มักจะพบพืชพรรณที่มีต้นไม้ หลากหลายในช่วงอายุ การที่มีต้นไม้เล็กๆ หรือไม้หนุ่มมากๆ นั่นหมายถึงป่าที่มีอนาคต
::: อีกทั้ง DBH เล็กไม่ได้หมายถึงว่าพืชมีอายุน้อย พวกไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขนาเล็ก ต่อให้มีอายุเป็นร้อยเป็นพันปี ต้นก็ไม่สูง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางก็ไม่ใหญ่ พวกกล้าไม้ที่อยู่ใต้ร่มไม้อื่น ต่อให้อยู่มาเป็นหลายร้อยปีต้นก็ไม่โต (seedling bank)
::: นอกจากนี้ประเด็นคือคุณค่าของป่าไม่ได้อยู่ที่ ต้นไม้จะเล็กจะใหญ่ อายุมากหรืออายุน้อย (คุณค่า ไม่ใช่มูลค่าที่เกิดจากการขายแบบชั่งกิโล)
7) เช่น ในเขตป่าทั่วไป กระถินเทพา อายุ 8 ปี DBH 15.8 ซม. หนามหัน อายุ 18 ปี DBH 18.1ซม. ไม้สัก อายุ 8 ปี DBH 10.5 ซม. {5} ไม้สักอายุ 14 และ 20 ปีมี DBH 21 ซม และ 33.5 ซม. ตามลำดับ {6}
::: ข้อมูลที่อ้างอิง {5} และ{6} ข้อมูลตรงนี้เป็นกรณีป่าปลูกทั่วไปจากแหล่งอื่นๆ (เช่น พื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ใน {5} ) ตรงนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับป่าธรรมชาติที่กล่าวถึงในพื้นที่แม่วงก์ แต่ถึงกระนั้นผู้เขียนบทความนี้ก็ไม่ได้มีความรู้ตรงนี้ ในฐานะที่ผมศึกษาเกี่ยวกับพรรณพืช ผมขอให้ข้อมูลดังนี้ โดยส่วนมากพื้นที่ป่าปลูก ก่อนที่จะปลูกมักจะถูกเคลียร์พื้นที่จนโล่ง ไปจนถึงเหี้ยนเตียน แล้วจากนั้นนำกล้าไม้ที่เพาะไว้นำมาปลูก ดังนั้น ขนาดและอัตราการเจริญเติบโตของต้นไม้จึงสูงกว่าต้นไม้ในธรรมชาติ นอกจากนี้ชนิดพืชที่นำมาปลูกเป็นพืชโตเร็ว ดังเช่นชนิดพันธ์ที่ท่านอ้างถึง อีกทั้งได้รับแสงแดดเต็มที่ ดังนั้นจึงเติบโตเร็วมากจึงนำไปเทียบกันไม่ได้ ต้นไม้ที่ปลูกต่างจากในป่าธรรมชาติ หากต้นไม้อยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้อื่น ต่อให้พืชอายุ 50-100 ปีแล้ว ต้นไม้ก็ยังมีขนาดเล็กอยู่ (กรณีที่ชนิดพืชไม่ใช่พวกไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม หรือไม่ต้นขนาดเล็ก) ผู้เขียนบทความนี้พยายามจะชี้ให้เห็นว่า ต้นไม้ตรงนั้นส่วนใหญ่มีขนาดไม่ใหญ่ แสดงว่าต้นไม้มีอายุน้อย ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็น fallacy
::: กรณีของการปลูกป่าทั่วๆ ไป ของหน่วยงานราชการ มันมีป่าหลายประเภท ชนิดที่ปลูกก็แตกต่างกันจะมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ หรือต่อให้พื้นที่ปลูกเป็นป่าแบบเดียวกัน ต้นไม้ที่ปลูกชนิดเดียวกัน ต้นไม้ที่ปลูกอายุเท่ากัน อัตราการเจริญเติบโตของต้นไม้ก็ไม่เท่ากัน
8) สาธารณชนจึงควรมองเห็นภาพเชิงซ้อน/ซ่อนเร้นให้ชัดว่า ในขณะที่มีการเสนอสร้างเขื่อนบนที่ป่าเสื่อมโทรมนี้ ก็มีการตั้งแง่ให้ไปศึกษาใหม่ไม่จบสิ้น เช่นให้ไปศึกษาทางเลือกพื้นอื่น (พ.ศ.2537) ให้ทำประชาพิจารณ์ (พ.ศ.2541) ให้ศึกษาการจัดการลุ่มน้ำ (พ.ศ.2546) เป็นต้น เขื่อนก็ไม่ได้สร้างสักที ต้นไม้ก็เติบโตขึ้นทุกวันเพื่อให้ฝ่ายต้านเขื่อนมีข้ออ้างเพิ่มขึ้นอีก ถ้าสร้างเขื่อนแต่แรกก็คงไม่มีข้ออ้างเรื่องป่านี้ หากมีความจำเป็นต้องตัดต้นไม้อายุสิบกว่าปีนี้เพื่อสร้างเขื่อน รายงาน EIA ก็ระบุชัดว่า ไม้มีมูลค่า 1,073 ล้านบาท รวมทั้งปริมาณธาตุอาหารพืช 11.71 ล้านบาทต่อปี {7} ซึ่งก็ยังดีกว่าการไปเวนคืนที่ดินนับหมื่นไร่ กระทบต่อชาวบ้านนับพันๆ ครอบครัวในบริเวณอื่น ยิ่งกว่านั้นเราสามารถนำเงินจำนวนนี้มาชดเชยเพื่อลดค่าก่อสร้างเขื่อน
::: ตรงนี้เป็นข้อสรุปและความคิดเห็นของผู้เขียนบทความ เองล้วนๆ จากข้อมูลด้านบน ( ซึ่งขาดความน่าเชื่อถือ)
9) ส่วนการกลัวว่าจะมีพื้นที่ฟอกคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง ทางราชการและชาวบ้านก็จะร่วมกันปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ใกล้เคียงอีก 3 เท่า {8} รวมทั้งการปลูกป่าเพิ่มเติมในป่าแม่วงก์และผืนป่าตะวันตกโดยรวมที่เสียหายจากการบุกรุกเป็นหย่อมๆ และไฟป่าปีละนับร้อยครั้ง ก็จะทำให้มีป่าไม้ดังเดิม ยิ่งเมื่อมีเขื่อนก็จะยิ่งมีน้ำอุดมสมบูรณ์เป็นประโยชน์ต่อป่าและสามารถใช้ดับไฟป่าได้ทันท่วงทีอีกด้วย
::: กรณีปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ใกล้เคียงอีก 3 เท่า {8} แต่ความจริงป่าไม่ได้เพิ่ม แต่ป่าจะลดลงเท่ากับจำนวนพื้นที่ที่ปลูกทดแทน คำถามคือ พื้นที่สามเท่าของพื้นที่ป่าเหนือเขื่อนที่จะถูกทำลาย ซึ่งก็คือ 13,000 X3 = 39,000 ไร่ พื้นที่จำนวนนี้ คุณจะเอาพื้นที่ตรงไหนมาปลูก ในกรณีที่คุณหาพื้นที่ปลูกไม่ได้ ซึ่งคงไม่พ้นโครงการทำลายป่าให้เสื่อมโทรมเพื่อการปลูกป่าทดแทน
::: ขอจัดลำดับขั้นตอนการทำลายพื้นที่ธรรมชาติให้เสื่อมโทรมลงตามนี้ครับ
1 ป่าธรรมชาติที่ไม่เคยถูกรบกวนจากมนุษย์
> 2 ป่าที่ถูกรบกวน แต่มีการฟื้นตัว (ป่าทุติยภูมิ)
> 3 ป่าเสื่อมโทรม ที่รอให้ธรรมชาติฟื้นตัวเอง (ทิ้งไว้จะกลายเป็นป่าทุติยภูมิ)
> 4 ป่าปลูกโดยไม้ท้องถิ่น = วนเกษตร= สวนผสม พืชท้องถิ่น
> 5 ป่าปลูกโดยพืชชนิดเดียว หรือไม่กี่ชนิด = การทำเกษตรแบบปลูกพืชเชิงเดียว
> 6 พื้นที่เมืองและชุมชน
> 7 พื้นที่อุตสาหกรรม
::: สิ่งที่เรียกว่าฟื้นฟูจริงๆ คือ การอัพเกรดจากอันดับหลังๆ ไปเป็นลำดับต้นๆ ซึ่งจริงๆ เป็นไปได้ยากนอกจากยกเลิกกิจการ อพยพคนออกไปจากพื้นที่ ทิ้งเป็นเมืองร้าง ธรรมชาติเองเท่านั้นจะเยียวยาตัวเองได้
::: แต่ปัจจุบันที่เรากำลังยินดีที่ว่าเรามีโครงการฟื้นฟูธรรมชาติ (ซึ่งในแต่ละปีเราใช้งบประมาณมหาศาล) แต่โลกแห่งความจริงคือ เรากำลังเปลี่ยน อันดับต้นไปเป็นอันดับท้ายๆ เช่น
1 เราเปลี่ยนพื้นที่เกษตรกรรมให้เป็นพื้นที่ชุมชน (ลำดับ 6 กลายเป็น 7)
2 ป่าธรรมชาติที่ยังไม่ถูกรบกวน แต่ปัจจุบัน คนก็เข้าไปรบกวน ทำกิจกรรมต่างๆ (ลำดับ 1 เป็น 2-4)
3 เปลี่ยนป่าธรรมชาติ (ที่ถูกยัดเยียดว่าเสื่อมโทรม) เปลี่ยนป่าเสื่อมโทรม ให้เป็นป่าปลูกหรือพื้นที่วนเกษตร หรือพื้นที่เกษตกรรม (ลำดับ 1-3 กลายเป็น 4-5)
::: ซึ่งกรณีหลังสุดถ้าจะเรียกว่าฟื้นฟูจริงๆ เราแค่ทิ้งไว้เฉยๆ มันจะกลายเป็นป่าทุติยภูมิได้เองครับ เพราะว่าปกติพื้นที่เกือบทุกแห่ง มักมีเชื้อพันธุ์เมล็ดพืชป่าเหลืออยู่ในดิน อีกทั้งเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นอาจจะกระจายมาจากป่าข้างเคียงได้
10) ในรายงาน EIA ยังระบุถึงประโยชน์ของการสร้างเขื่อนต่อสัตว์-ป่าว่า จะเพิ่มประสิทธิภาพดิน 40% ดินชุ่มชื้นขึ้น สัตว์ป่ามีน้ำดื่ม (จากเดิมแห้งแทบไม่มีน้ำในหน้าแล้ง) เขื่อนสร้างแหล่งอาหารให้สัตว์ ทำให้ป่าสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ฯลฯ สำหรับประโยชน์ต่อมนุษย์ก็คือการชลประทาน แก้ภัยแล้งโดยได้อานิสงส์ถึงราว 50,000 คนจาก127 หมู่บ้านใน 3 จังหวัด ทั้งยังทำให้เกิดการประมง การท่องเที่ยว เขื่อนจึงจะทำให้ทั้งมนุษย์และสัตว์มีชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพที่ดีขึ้น
การใด ๆ ก็ย่อมมีทั้งข้อดีและเสีย ดังนั้นสาธารณชนจึงพึงชั่งใจให้ดีโดยปราศจากมายาคติ
::: เนื่องจากผู้เขียนอ้างถึง EIA ซึ่งส่วนตัวไม่มีโอกาสได้อ่านรายละเอียด ว่าข้อเท็จจริงทางคณะผู้ศึกษา วิธีการศึกษา และผลการศึกษาได้ผลเป็นอย่างไร จึงยากที่จะวิจารณ์ อีกทั้งโครงการนี้ยังไม่ได้เริ่ม ข้อมูลดังกล่าวเป็นแค่การประเมิน และข้อคิดเห็นของบางบุคคล การอ้างว่ามีข้อดีต่อมนุษย์อาจจะพอฟังขึ้นในบางประเด็น แต่อ้างว่าเป็นประโยชน์กับสัตว์ ป่าและป่าสมบูรณ์ยิ่งขึ้นนี่ ฟังไม่ขึ้นครับ ตรรกะวิบัติ แน่นอนครับ
::: ที่กล่าวกันว่า “หากมีการสร้างเขื่อน แล้วทำให้ป่าชุ่มชื้นมากขึ้น” ขอให้ผู้เขียนบทความทดลองเอาไฮโกรมิเตอร์ไปวัดในพื้นที่ริมคลองธรรมชาติ กับพื้นที่ริมเขื่อนติดตามตลอดทั้งปีดูนะครับ ว่าพื้นที่ใดมีความชุ่มชื้นกว่ากัน (จำเป็นต้องมีการตรวจสอบ) สังเกตนะครับว่า พื้นที่คลองหรือลำธารธรรมชาติ มักถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ริมคลอง รวมถึงการไหลของกระแสน้ำ น้ำในคลองธรรมชาติจึงค่อนข้างเย็น แต่บางบริเวณอาจจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง มีลานหิน แอ่งน้ำบริเวณนั้นอาจจะอุ่น ซึ่งจะเห็นว่ามันมีแหล่งอาศัยเยอะ นี่เป็นส่วนสำคัญทำให้พื้นที่ตรงนั้นมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เนื่องจากมี Habitat heterogeneity สูง และแม้ลำธารธรรมชาติจะดูว่ามีปริมาณน้ำน้อย แต่ความจริงแล้ว น้ำบางส่วนจะถูกเก็บไว้ในระบบน้ำใต้ดิน ในขณะที่เขื่อนเป็นอีกแบบมีปริมาณน้ำผิวดินมากก็จริง แต่กรณีที่บอกว่าเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่าอาจจะไม่เป็นความจริง ในเวลากลางวัน บางครั้งเวลาที่แสงอาทิตย์ ทำมุมกับผิวน้ำของทะเลสาบเหนือเขื่อน เสมือนหนึ่งว่าผิวน้ำเป็นกระจกบานใหญ่ ทำให้แสงตกกระทบ กระเจิงกระจายไปยังพื้นที่รอบข้าง อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ พื้นที่รอบๆ เขื่อนอาจจะแห้งแล้งกว่าปกติด้วยซ้ำไป อีกสาเหตุหนึ่งหลังจากมีเขื่อน หรือแม้กระทั่งอ่างเก็บน้ำก็ตาม ทำให้เรานึกถึงทฤษฎีการเกิดลม ในเวลากลางวัน อุณหภูมิที่ผิวน้ำ กับอุณหภูมิบริเวณข้างเคียงมีความแตกต่างกัน โดยอากาศร้อนจึงลอยตัวสูงขึ้น อากาศที่อุณหภูมิ ต่ำกว่าบริเวณข้างเคียง จะเคลื่อนที่เข้าแทนที่ การเคลื่อนที่ของอากาศ เนื่องจากสองแห่งมี อุณหภูมิต่างกันทำให้เกิดลม การเกิดลม แน่นอนว่าสัมพันธ์กับการพัดพาเอาความชื้นจากที่หนึ่งไปที่หนึ่งด้วย ที่ผมแย้งนี้ เนื่องจากคิดว่าข้อความที่อ้างไม่น่าจะถูกต้อง แต่ประเด็นสำคัญจริง ๆ กลับไม่ใช่เรื่องนี้ สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงยัดเยียดบางสิ่งให้กับธรรมชาติ ซึ่งเปรียบเหมือนการข่มขืนธรรมชาตินั่นเอง ตรงนี้ไม่น่าจะอ้างว่าเป็นข้อดีของการสร้างเขื่อน แต่หากคุณจะอ้างว่ามีข้อดีต่อมนุษย์ อย่างไรบ้างจะพอฟังขึ้นมากกว่า
::: ในความเป็นจริง ต่อให้ไม่มีเขื่อน แม้หน้าแล้งพื้นที่ส่วนใหญ่จะค่อนข้างแล้งจริง แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในป่านั้นมีวิวัฒนาการปรับตัวกับสภาพธรรมชาติตรงนั้นอยู่แล้ว อีกทั้งธรรมชาติจะมีการกักเก็บน้ำในรูประบบน้ำใต้ดิน ซึ่งดูผิวเผินเหมือนกับว่าพื้นที่ตรงนั้นแล้ง แต่อาจจะแห้งแค่ผิวดิน หากเราเจาะดินลงไป เราจะเจอน้ำใต้ดินในระดับที่ลึกต่างๆ กันไปนะครับ
::: พื้นที่ธรรมชาติหลายแห่ง มีสภาวะแห้งแล้งที่อาจจะเกิดจาก ตำแหน่งที่ตั้งของพื้นที่ เขตภูมิอากาศ หรือลักษณะสภาพหิน ดินที่ไม่อุ้มน้ำ ดังนั้นพื้นที่บริเวณนั้นจึงมีความแห้งแล้ง ธรรมชาติหลายแห่งเป็นแบบนั้น สัตว์ป่า พืชป่าที่ขึ้นในพื้นที่บริเวณนั้นต่างก็ผ่านวิวัฒนาการ มีการปรับตัวมาอย่างยาวนาน ซึ่งธรรมชาติก็อยู่กันได้ ไม่จำเป็นต้องให้มนุษย์เราไปช่วยเหลือ คนป่าในแอฟริกาที่อยู่ในเขตพื้นที่แห้งแล้ง เขาก็มีชีวิตอยู่กันได้มาตั้งนาน ซึ่งความจริงพื้นที่แห้งแล้งไม่ใช่เป็นตัวแทนของความเสื่อมโทรม ขณะเดียวกันในเขตพื้นที่ฝนตกชุก พืชพรรณสัตว์ป่าที่พบก็ต่างไปจากพื้นที่ที่มีความแห้งแล้ง เพราะนี่คือธรรมชาติของมัน
::: ข้อดีข้อเสียมองได้ทั้งสองด้าน แต่ประเด็นสำคัญคือทำแล้วคุ้มค่าหรือไม่ แก้ไขปัญหาตามที่โฆษณาไว้ได้จริงหรือไม่
::: บทความนี้ชัดเจนตรงกับคำว่ามายาคติ เพราะเป็นการสื่อสารเพื่อบอกว่าเป็นความจริง แต่ไม่อาจยืนยันว่าจริงหรือพิสูจน์ได้ นอกจากนี้ในการเขียนบทความใดๆ ผู้เขียนควรระวังเรื่องเหตุผลวิบัติด้วย
สุดท้ายขอบคุณสำหรับความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้เสีย
ความเห็นที่ 8
ความเห็นที่ 9
ความเห็นที่ 10
ความเห็นที่ 11
ความเห็นที่ 12
ment_reply เดี๋ยวจะเสียเวลาหาเอามาให้ดูครับ กำลังหาเวลาตอบท่าน ด้อกอยู่
ความเห็นที่ 13
ความเห็นที่ 14