15.55 น.


แคมป์ริมห้วยเล็กๆ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี
 
“ไหนว่าจะไม่ไปแล้วนี่นา...” พลันสิ้นเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ผมทำได้เพียงนิ่งงัน ด้วยสำนึกผิดต่อการตัดสินใจลำพัง...
“ตัดสินใจไปแล้วก็ทำให้เต็มที่เถอะ ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะ...” แม้ถ้อยสุดท้าย เนื้อเสียงจะคลายความกังวลลงบ้าง หากผมก็รับรู้เสมอว่า ความห่วงใยจากเธอไม่เคยลดน้อยลงไป...
. . .
 
หลังจากพักผ่อนเต็มตื่น ณ อช. บูโด - สุไหงปาดี คณะของเราอันประกอบด้วย พี่ปรีดา พี่ทศ พี่จอย มาโซ ก็ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ไปตามภารกิจตรวจสอบโพรงรังนกเงือกและบันทึกภาพ โดยมีจุดหมายที่หมู่บ้านอนุรักษ์นกเงือก อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี...
ในห้วงยามที่รถกระบะเคลื่อนไปตามเส้นทาง สายหมอกซึ่งคลี่คลุมอยู่เหนือผืนป่าส่งให้เทือกเขาไกลๆยังคงความลึกลับและเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย...
“เรื่องราว” ที่ไม่ได้ออกมาจาก “ขุนเขา” หากมันถูกส่งมาจาก “ชีวิต” ที่ผ่านเข้ามาเยี่ยมเยือนโลกใบนี้เพียงชั่วคราวก่อนจะจากไปอย่างถาวร...
เราใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงหมู่บ้านอนุรักษ์นกเงือก และแวะรับสมาชิกอีกสองคนคือ แบดิง กับ อาบัส สองพ่อลูกที่เป็นเรี่ยวแรงสำคัญของโครงการ...
เมื่อ คน และ เสบียง พรักพร้อม การเดินเท้าสำรวจจึงเริ่มต้นขึ้น...
 
แบดิง นำหน้าพาเลาะเลื้อยไปตามสวนยาง ก่อนตัดสู่ผืนป่า ผืนป่าดิบที่รอบกายเต็มไปด้วยต้นไม้รกครึ้ม เรือนยอดอันแน่นทึบ ส่งให้ตะไคร่น้ำและไลเคนขึ้นหนาแน่นตามก้อนหินหรือตามลำต้นทั้งเล็กใหญ่ และแม้บรรยากาศรอบกายจะร่มรื่นเพียงใด หากเส้นทางที่สูงชันกลับทำเอาผู้มาใหม่เหงื่อโทรมกาย...
แบดิง ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง การขึ้นเขาชันดูจะเป็นวิถีปกติของแกไปเสียแล้ว เช่นเดียวกับ อาบัส ลูกชายที่เดินขึ้นเขามาด้วยเสื้อยืดบางๆ กางเกงวอร์ม กับรองเท้าแตะคู่กายเท่านั้น...
 
เราใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงยังซุ้มบังไพรถาวรที่ แบดิง ทำเอาไว้สำหรับการเฝ้าศึกษาพฤติกรรมนกเงือกโดยเฉพาะ พี่ทศ รับอาสาเฝ้ารอในซุ้มบังไพรเพื่อถ่ายภาพ โดยมี แบดิง กับ มาโซ คอยอยู่ด้วย พลันที่ทั้งสามแยกจากไป พี่ปรีดา พี่จอย อาบัส และผมจึงออกเดินทางต่อไปยังโพรงรังที่สอง...
 
เส้นทางสูงชันไม่เปลี่ยนแปลง เป้หลังที่ติดตัวดูจะมีน้ำหนักมากขึ้นตามหลักไมล์ระยะทาง การเดินเท้าที่ลึกเข้าไปเรื่อยๆช่วยให้ผมรู้จักผืนป่าแห่งนี้ทีละน้อย หลายครั้งหลายหนที่เราผ่าน “ตอไม้” ซึ่งบอกให้รู้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยมีขนาดใหญ่เพียงใด หรือกระทั่งการได้พบกับกองไม้ที่แปรรูปเรียบร้อยรอเพียงชักลากลงมา
ภาพที่ปรากฏตามรายทางนับเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า “ป่าไม้” ยังถูกกระทำย่ำยีไม่ต่างอะไรจากอดีตที่ผ่านมา...
 
กว่าหนึ่งชั่วโมงจากตำแหน่งแรก ในที่สุดก็มาถึงโพรงรังที่สอง อาบัส มาส่งผมที่ซุ้มบังไพรก่อนจะขอตัวไปรวมกับ พี่ปรีดา และ พี่จอย  ณ ริมลำห้วยเล็กๆเบื้องล่าง...
หลังจากจัดแจงกับอุปกรณ์ถ่ายภาพเป็นที่เรียบร้อย การรอคอยเริ่มต้นไม่นาน เสียงบินแหวกอากาศ “ฟืด ฟืด” ของ “นกกก” ตัวผู้ก็ดังมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน เจ้าตัวคงรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ มันเกาะนิ่งอยู่บนต้นไม้เหนือซุ้มบังไพรร่วมชั่วโมง ก่อนจะโผเข้าหาปากโพรงและเริ่มป้อนอาหารทันที...
“ขอชอร์ตเดียวนะ...” ถ้อยความจาก พี่ปรีดา ก่อนจะแยกไปทำให้ผมต้องตั้งใจกับการถ่ายภาพในครั้งนี้... 
พลันที่ตัวผู้ยื่นปากเข้าไปในโพรง งานของผมจึงเริ่มขึ้น...
 
. . .
 
15.55 น.
งานของผมเสร็จเร็วกว่าที่คิด จึงทำให้มีเวลาเหลือเฟือกับการจัดการกับที่หลับที่นอนในค่ำคืน
เราตั้งแคมป์ริมลำห้วยเล็กๆ ลำห้วยที่ไม่มีใครรู้ว่าถือกำเนิดมานานเท่าไร หากนั่นก็หาใช่สาระสำคัญ ด้วยไม่ว่าเวลาหรือฤดูกาลจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเช่นไร ลำห้วยก็ยังคงมอบความชุ่มเย็นให้แก่ “ทุกชีวิต” บนเทือกเขาบูโดอยู่เช่นเดิม...
 
“ตัดสินใจไปแล้วก็ทำให้เต็มที่เถอะ ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะ...” ถ้อยความจากเธอดังขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง ผมยิ้มรับกับความทรงจำด้วยรู้ว่า ถ้อยความดังกล่าว มันทำให้ทุกย่างก้าวบนทางชันสายนี้มั่นคงมากขึ้นกว่าเดิม...
. . .