เขาพันธุรัต..มันเหนื่อยมาก

เดินน่องโป่งที่วนอุทยานเขาพันธุรัต เดินทางโดยนั่งรถตู้ไป แล้วก็อาศัยเดินด้วยกำลังเท้า
และโบกรถผู้ใจบุญไปเรื่อยๆ จนถึงจุดมุ่งหมายปลาทาง สนุกไปอีกแบบ แต่ร้อนและเหนื่อยมาก

ที่ๆไปเป็นวนอุทยาน แต่ไหงเห็นป้ายติดถนนใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติหว่า ??
พื้นที่บริเวณนี้ช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าวพอสมควร ดูแห้งแล้งไปหน่อย  ทางเดินยาวและลำบากพอสมควร
แต่วิวโดยรวมแต่ละจุดถือว่าคุ้มค่ามากๆถ้าเราไปถึง

เขาส่วนนี้ มีการเชื่อมโยงเข้ากับวรรณคดี สังข์ทอง โดยถ้ามองดูลักษณะเทือกเขารวมๆ
คล้ายคนกำลังนอนได้ต่อเรื่องถึงนางพันธุรัต ที่อกแตกตายเพราะพระสังข์ไม่ยอมลงมาจากเขา

แปะภาพดีกว่า ง่วงละ
ปล. สเต็กที่นี่ อร่อยและถูกมาก

นั่งรถตู้มาลงปั้มน้ำมัน และก็ข้ามมาฝั่งตรงข้าม โบกรถคันแรกนั่งมาฝั่งตรงข้ามทางเข้า

Comments

ความเห็นที่ 1

แปะภาพไปเรื่อย ตามประสาคนนอนดึก

โบกรถได้สองคัน แต่ละคันก็ไปนิดเดียวเอง
แต่ยังไงเราก็ยังมีขาอยู่ เดินก็ได้ฟร่ะ
รถกระบะใจดีที่โบกและขอติดมาประมาณสองร้อยเมตร ขอบคุณครับ :) พักกินข้าวกลางวันกันสักหน่อย เดินๆ ก็มีมาต้อนรับบ้าง จะถึงอีกลิบๆแล้ว อีกไม่ไกล

ความเห็นที่ 1.1

ถ้าบอกว่าไปวัดป่า....(ตรงทางเข้าวนอุทยาน) จะมีคนยอมไปส่งถึงที่เลยครับ

ความเห็นที่ 2

บรรยากาศภายในร่มรื่น ต่างกับหนทางที่เข้ามามาก
(ตรงส่วนนี้เป็นแค่ปลายเท้าของเขาที่มองว่าเป็นคล้ายคนนอนทั้งลูกนะครับ)

มีแคสันติสุข (Santisukia kerrii)
ขึ้นอยู่ประปราย สีขาวสบายตา ตัดกับสีน้ำตาลของทิวเขา
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ภาพทิวเขาที่เป็นจุดเริ่มต้น ซิลูเอทนิดหน่อยถึงปานกลาง Santisukia kerrii

ความเห็นที่ 3

บรรยากาศระหว่างทางเดิน
ที่ชอบใจคือได้ยืนดูค่างแว่นถิ่นใต้นั่งชิวๆอยู่บนยอดเขา เห็นเป็นเงาดำๆ
และก็เห็นมันกระโดดไปมา ประทับใจมาก yes
กระจกนางพันธุรัต ระวังยักษ์ ถึงจะร้อน แต่ก็ยังสวยมาก ถ่ายค่างแว่นได้แค่เนี้ย

ความเห็นที่ 4

บรรยากาศทางเดิน

เดินขึ้นไปจุดๆนึง ซึ่งสูงพอสมควรขึ้นไปถึงก็ประทับใจทางเป็นสีของใบไผ่ที่ร่วงโรย เป็นบริเวณกว้าง และไปต่ออีกนิดก็เป็นหุบเหว ล้อมด้วยเขาด้านล่างเขียวชอุ่ม
ทางเดินมีหินอยู่ประปราย บางส่วนแหลมคม ทางที่โรยด้วยใบไผ่ :) ขาวโพลนมากจริงๆ ยังไม่ทันไรก็เย็นเสียแล้ว

ความเห็นที่ 5

มืดแล้วแต่ก็ยังอีกไกล จุดหมายอยู่ลิบๆนู่น crying
ไกลเหลือเกิน (สรุปว่าลงไปถึงพื้นล่าง ทุ่มครึ่งกระมัง)

กลางคืนก็เจอนิดเดียว นกกระจิบธรรมดา
(Orthotomus sutorius)

และก็ถึงเวลากลับละ ออกมาไม่ไกลก็เจอโรงงานทำปูน (โม่หินด้วยมั้ง)
ดูขัดๆกันยังไงไม่รู้
ไกลจริง Orthotomus sutorius ถึงเวลากลับแล้ว โรงงาน

ความเห็นที่ 6

ที่จริงทริปนี้ก็ไปกันแบบลุยๆ เน้นถ่ายแลนด์สเคปกับเดินให้สนุก
สัตว์ไม่ค่อยจะมีอะไรมาก ปิดท้ายด้วยดอกบัวแล้วกันครับ
img_5924.jpg

ความเห็นที่ 7

เจอแค่นี้เรอะ ฮาๆๆๆๆ

ความเห็นที่ 7.1

เชาวัดกันที่ความประทับใจ ไม่ได้วัดสิ่งที่เจอเฟร้ย cheeky
แต่ของเด็ดๆก็เจอบ้าง เจอดี(มั้ง) ก็ยังมี cool

ความเห็นที่ 7.1.1

รู้แล้วว่าเจอไรบ้าง น่าสนใจๆ

ความเห็นที่ 8

สถานที่น่าสนใจ แต่ไปหน้านี้...โอ้วว ร้อนสุดๆ

ป.ล. นั่นผมทรงใหม่หรอ ไผ่น้อง? ฮาๆ

ความเห็นที่ 8.1

ไม่อยากจะบอก ด้านหน้าเท่มั่กๆ cheeky

ความเห็นที่ 8.1.1

แล้วเจือกบอกทำไมฟระ อิ อิ

ความเห็นที่ 8.1.1.1

cheeky

ความเห็นที่ 9

ผมคิดถูกรึเปล่าครับที่ไม่ได้ไปด้วย? ฮ่าๆๆๆ

ความเห็นที่ 9.1

คิดผิดว่ะน้อง มาแล้วคุ้ม

ความเห็นที่ 9.1.1

โอ๋วว งานหน้าขอใหม่ครับ ตอนนี้ก็เสี้ยนอยากถ่ายเหมือนกันครับ อิอิ.

ความเห็นที่ 10


นับถือจริงๆ ร้อนแบบนี้
ฆ่ากันให้ตายเสียดีกว่า

ถ้าจะให้ออกไปนอกบ้าน
5555

ความเห็นที่ 10.1

เสื้อที่ใส่เดิน เปียกเหงื่อแทบจะตลอดเวลาเป็นเวลาหลายชั่วโมงเลยครับ smiley

ความเห็นที่ 11

แล้วไม่เล่า ไอ้ที่หน้าซีด เดินกลับลงมาหรอ

ความเห็นที่ 11.1

อาจเป็นเพราะพวกผมตาถั่ว หรือคิดกันไปเองก็ได้ .. แต่ก็นะสองคนสี่ตา angry

ความเห็นที่ 12

ที่จริงแถวๆนั้นก็ไม่มีอะไรน่ากลัวนะ แค่ติดวัดป่า(ที่ดูไม่เป็นป่า) ที่มีป่าช้า และมีประวัติมากมายพองาม  แล้วเจอเนื้อทรายด้วยหรือเปล่าล่ะท่าน

ที่หน้าซีดกลับลงมา คิดว่ามันไม่เอาน้ำติดไปด้วยมากกว่า กะไปตัดเถาวัลย์อินเทรนด์เพื่อหาน้ำกินเอาดาบหน้า อ้อ..ยังมีฝายกักน้ำ(ตอนนี้น่้าจะเน่าๆ)ด้วย

ความเห็นที่ 12.1

รู้สึกว่าบริเวณที่คนเรียกกันว่าป่าช้าเนี่ย มักจะมีอะไรดีๆที่คาดไม่ถึงนะครับ

เนื้อทรายก็เจออยู่ครับ เหมือนเขาเอารั้วมากั้นไม่ให้ลงมาเดินข้างล่างเฉยๆ
ด้านหลังเป็นเขาทั้งลูก แต่ก็ลืมถ่ายมาแฮะเรา ส่วนฝายผมยังไม่ยักจะเจอ
ไม่เห็นน้ำสักกะหยดตั้งแต่เดินขึ้นไปจนถึงลงมา frown

ความเห็นที่ 12.1.1

แสดงว่าน้ำแห้งมากจนไม่สังเกตเห็น อยู่ริมทางเดินช่วงต้นๆทางนั่นแหละ ปลูกบัวไว้ด้วย แล้วตั้งชื่อว่าอะไรไม่รู้ลืมแล้ว เลยทำให้ไม่คิดว่าเป็นฝายกระมัง

ความเห็นที่ 12.1.1.1

อ๋อ เขาตั้งไว้ว่า บ่อชุบตัวพระสังข์(จำลอง) ผมดูมันไม่เหมือนฝาย
เพราะมันคงไม่ได้กะชะลอน้ำ คงกะทำให้น้ำขังเลยมากกว่า cool

ความเห็นที่ 12.1.1.1.1

เหอๆ

ความเห็นที่ 13

สมัยเด็ก ปู่เล่าให้ฟัง เหมือนเป็นตำนาน ว่า

"เขาแห่งนี้ คือ นางพันธุรัต เสียใจที่พระสังข์หนีไป จนตายกลายเป็นหิน  กลางดึกของคืนหนึ่งในอดีต ชาวบ้านรอบ ๆ เขาแห่งนี้ ได้ยินเสียงหญิงร้องไห้ดังมาจากภูเขา เชื่อกันว่าเป็นนางพันธุรัต และแล้วไม่นาน ภูเขาบางส่วนก็เกิดการถล่ม"

โตขึ้นมา จึงทราบว่า เรื่องที่ปู่เล่าให้ฟัง จริง ๆ แล้ว เกิดการถล่ม จนเกิดโครงการฟื้นฟูทัศนียภาพในปัจจุบัน

ความเห็นที่ 14

น่าเดินครับ ไว้ฝนตกนิดๆไปกันอีกรอบ