อุลกมณี

ชื่อมีเรียกมากมายหลากหลาย 
ผมก็เคยเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ  ก็โดนความเชื่อนัันเข้ามาในหัว และเก็บความสงสัยไว้นานเช่นกัน
ก็พอที่จะได้ทราบข้อมูลอยู่บ้างครับ
...........
มีอยู่วันนึง ขาลงภูกระดึง มีนักท่องเที่ยวที่เดินอยู่ด้านหน้าของผม
เก็บอุกามณีได้ก้อนใหญ่ขนาดเท่าฝ่ามือ 1 ก้อน  ในใจผมคิดว่ารอบๆบริเวณนี้ต้องมีมากกว่า 1 ก้อนแน่นอน
และหลังจากจุดนี้ ประมาณ 100 เมตร ผมก็เก็บก้อนเล็กเท่านิ้วแม่โป้งได้ 1 ก้อน (ตามที่คิด)

ลักษณะของบริเวณที่มักจะพบ อุกามณี
- หินลูกรัง
- ทราย


ผมได้นำอุกามณีดังกล่าวไปให้เพื่อนที่ lab วิเคราะห์ธาตุด้วยเทคนิคนิวเคลียร์
- พบว่า อุกามณี จะประกอบด้วยแร่ ซิลิกอน เป็นหลัก มีแร่เหล็ก และตัวอื่นๆ เหมือนกับทรายบริเวณนั้น

ต่อมา ผมได้นำไปเผาไฟด้วยความร้อนประมาณ 100 องศาเซลเซียส (ใช้แก็สเผา)
ผล
- เย็นตัวเร็วมากๆ
- อุกามณี ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง,สี อันใดเลย


สรุป:
- จากการวิเคราะห์ธาตุ จะบ่งบอกได้ว่า อุกามณีไม่ใช่อุกาบาตที่ตกลงมาที่พื้นโลก เพราะถ้าเป็นอุกาบาตจริงๆ คิดว่าจะต้องมีธาตุอะไรซักอย่าง หรือหลายอย่างที่แตกต่างไปจาก ทราย ณ บริเวณนั้นๆ

- อุกามณี เกิดจากความร้อนที่สูงมากๆ มาหลอมทราย/หิน ณ บริเวณนั้น และเย็นตัวอย่างรวดเร็วจนเป็นเนื้อแก้ว นั่นก็หมายความว่าถ้ามีความร้อนสูงๆๆ และบริเวณนั้นไม่มีทราย ก็ไม่อาจจะพบ อุกามณี
ตรงตามที่คุณตา คุณยาย และ คุณแม่ บอกว่า"อุกามณีจะพบตาม หินลูกรัง กรวด ทราย"
ถ้าอุกามณีเป็นอุกาบาตที่ตกมาจากดาวอื่นจริง ก็คงพบได้ทุกสภาพบริเวณ

ผมก็มี เช่นกัน ได้มาจากลูกน้อง คนลพบุรี มันว่า สมัยก่อนเวลาไถไร่ เจอเยอะ มากต้องเก็บโยนทิ้ง กันบาดเท้า แต่มันบอกผมว่าเป็น นิล นะไม่ใช่อุกามณี พื้นที่ที่เจอก็เป็น ดินตีนเขา

เห็นด้วยกับฟ้าผ่าที่สุดครับ

อันนี้เห็นเค้าประกาศ ขายก้อนนิล ดิบไว้
หน้าตาเหมือนมาก

http://shopping.sanook.com/product/5135449

http://shopping.sanook.com/product/6201492

อุลกะมณีผมพึ่งเก็บใด้ที่ไร่และที่เก็บใด้เป็นดินเหนียวสีแดง และเก็บของมีคมของมนุษย์ยุคหินใด้ชิ้นที่สองแล้วครับ

นี่ครับ