กระทู้-14116 : ปลาบึกฝูงใหญ่โผล่กลางแม่น้ำปัตตานี

Home » Board » ปลา

ปลาบึกฝูงใหญ่โผล่กลางแม่น้ำปัตตานี

เมื่อคืนได้ดูข่าว ปลาบึกโผล่กลางแม่น้ำปัตตานี  มองในด้านดี คือคนมามุงดูกันอย่างคึกคัก  ทำรายได้ให้กับพ่อค้า แม่ค้ามากมาย   ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี

แต่เรื่องนี้สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับนิสัยคนไทยกับการอาศัยทรัพยากรธรรมชาติในการเลี้ยงปากท้อง วิถีความคิด  เพราะแต่ไหนแต่ไรทราบว่าไทยเรา ไทยมุงชอบของแปลก  ซึ่งไม่ได้จะชี้ว่าเป็นเรื่องไม่ดีนะครับ

ในข่าวกล่าวว่ามีการประกาศไม่ให้มีการจับปลาบริเวณดังกล่าวเพื่อให้มีการอนุรักษ์พันธุ์ปลาบึกเอาไว้ในลุ่มน้ำปัตตานี

วิเคราะห์เหตุการณ์นี้:  

ปกติตามธรรมชาติปลาบึกพบอาศัยอยู่เฉพาะในแม่น้ำโขง และแม่น้ำสาขาเท่านั้น
แต่เนื่องจาก ปลาบึกเริ่มหายากมากขึ้น เนื่องการทำประมงที่ผิดกฏหมาย รวมถึงการดัดแปลงก่อสร้าง การพัฒนาสิ่งต่างๆ  ได้ทำลายระบบนิเวศลงอย่างมาก  หน่วยงานภาครัฐจึงมีนโยบายให้อนุรักษ์พันธุ์ปลาบึก  และส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงปลาบึกมากยิ่งขึ้น  ในแต่ละปีก็จะมีการปล่อยพันธูปลาน้ำจืดที่เพาะเลี้ยงขึ้น  ซึ่งอาจจะมีทั้งปลาท้องถิ่นของไทย  และต่างถิ่นที่เป็นพันธุ์ปลาเศรษฐกิจ   ซึ่งหากมองเรื่องปากท้องชาวบ้าน ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่รัฐส่งเสริมเรื่องนี้  

แต่หากมองในมุมการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติแบบยั่งยืนนั้น  ถือว่าไม่ใช่  และแสดงให้เห็นว่าไม่เข้าใจธรรมชาติอย่างมาก

ความหลากหลายทางชีวภาพแต่เดิมในประเทศไทยมีมาก และล้นเหลือ หากเราเข้าใจธรรมชาติเราจะใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง  แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวควบคุมให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนนั้น คือ จริยธรรมในการใช้ประโยชน์ควบคู่กับความเข้าใจเรื่องธรรมชาติ ปฎิสัมพันธุ์ระหว่างสมช. กับสวล.  และกับสมช. ด้วยกันเอง  สังคมสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่นของตน    ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเราขาดความเข้าใจเรื่องนี้มาก  ซึ่งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพของไทยที่ผ่านมานั้น  หากประเมินเป็นตัวเลขทางเศรษฐศาสตร์นั้น เป็นมูลค่ามหาศาลมาก  

 ซึ่งเรื่องนี้นั้นในประเทศไทยเรานั้นยังไม่ไปถึงไหน เพราะปัญหาสองสาเหตุหลักคือ  1 ขาดความรู้ 2 ขาดคุณธรรม   เราบอกว่าไทยเราเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติที่สุดแห่งหนึ่งของโลก   ซึ่งหากตีเป็นตัวเงินนั้นเราเป็นประเทศที่ร่ำรวยมาก  แต่ทำไมคนจึงยากจน   สาเหตุก็ เพราะว่า คนไทยขาดความรู้  เราเป็นประเทศที่ผลิตอาหารได้มาก  เราไม่ใช่เอธิโอเปีย   หรือแอฟริกา  แต่เนื่องจากสังคมเกิดความไม่รู้   เพราะเรามักตีความความร่ำรวยเป็นเงินทอง   ซึ่งทรัพยากรที่เรามีอยู่ก็คือความร่ำรวยรูปแบบหนึ่ง  เพียงแต่หากเราไม่รู้ค่าเราก็ขายไปในราคาถูกๆ     อีกฟากหนึ่งของกลุ่มคนที่หากินกับการขายทรัพยากรของชาติ  การเปิดโอกาสให้พวกพ้องเข้ามาสัมปทาน หรือเช่าที่รือป่า หรือทรัพยากรที่เป็นส่วนรวมของไทยในราคาถูกๆ    เดิมเราเคยเปิดป่า สัมปทานตัดไม้  บุกรุกแผ้วถาง ป่าดิบดงดำ  ให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรอันกว้างใหญ่  เคยลงทุนกำจัดดงประการังอันเป็นอุปสรรคในการเดินเรือ   ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราได้พัฒนาด้านต่างๆ  โดยขาดการวางแผน และการจัดการที่ดี เราได้เหยียบย่ำธรรมชาติ   โดยที่คำนวณแล้วเราเสียมากกว่าได้   ลงทุนสูงมากแต่ได้กำไรน้อย  

ออกนอกเรื่องมากไปหน่อย ขอย้อนกลับมาที่ปลาบึก ที่บอกว่าหลังจากมีการเพาะพันธุ์ปล่อยไปทั่วลุ่มน้ำต่างๆ   หากมองในมุมนักเกษตร ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก ประสบความสำเร็จ  แต่ทุกๆ ปีเราจะมีการปล่อยปลาต่างๆ ลงในเขื่อนต่างๆ  แม่น้ำต่างๆ    ปลาบึกแม้ว่าเป็นปลาพื้นเมืองไทย  แต่การนำเอาไปปล่อยในน่านน้ำอื่นที่ไม่มีปลาบึกตามธรรมชาติ  ไม่เคยคิดบ้างเหรอว่า ปลาบึกมันจะส่งอะไรกันบ้างต่อระบบนิเวศตรงนั้น   ซึ่งไม่ใช่เขตกระจายพันธุ์ของปลาบึก    ซึ่งตรงนี้ถือว่าปลาบึกเป็นสมช.ต่างถิ่นของลุ่มน้ปัตตานี   ซึ่งทราบหรือไม่ว่าลุ่มแม่น้ำปัตตานี หากย้อนกลับไปก่อนสร้างเขื่อน   เคยมีพรรณปลาหลากหลายมากๆ   มีปลาแปลกๆ  มากมาย ที่คุณอาจจะไม่รู้จัก  (จากการสอบถามจากคนแก่คนเฒ่า)   แต่ปัจจุบันแทบไม่มีแล้ว  มีแต่พรรณปลาต่างถิ่น    แม้ว่าปลาเหล่านั้นอาจจะเป็นปลากินพืช   แต่ก็ไม่ได้หมายถึงจะไม่ไปเบียนเบียนปลาอื่นๆ    เป็นอาจจะแย่งอาหาร แย่งที่อยู่   ซึ่งในระบบนิเวศส่วนใหญ่มันจะมีปัจจัยที่จำกัดอยู่แล้ว   ซึ่งการเติมอะไรเข้าไป  ก็เหมือนกับการหยดกรด หรือเบสลงไปในสารละลายที่มีบัพเฟอร์   หากบัพเฟอร์ดี  ก็ไม่เป็นไรมาก  แต่หากหยดกรดหรือเบสไปมากๆ    ระบบมันก็เสียสมดุล แบบกู่ไม่กลับ    ซึ่งธรรมชาติส่วนใหญ่จะเปราะบาง   พังแล้วพังถาวร

แม้กระทั่งการเพาะเลี้ยงปลาท้องถิ่นปล่อกลับไปในระบบนิเวศเดิมในปริมาณมากๆ   ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ทำลายธรรมชาติเลย   เพราะปลาพื้นเมืองเองมันก็มีลิมิตของประชากรที่อยู่ตรงนั้นได้   มันก็เหมือนบ่อน้ำที่มีปลามากอยู่แล้ว  เราเอาปลาไปปล่อยเพิ่ม  แต่อาหารในบ่อ คุณทราบหรือว่าพอหรือเปล่า  สมดุลธรรมชาติเป็นอย่างไร   มันยากที่จะบอกได้ว่าเป็นอย่างไร  

แต่เดี๋ยวมีคนบอกว่างั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเลยซิ ถ้าคิดแบบนี้
ขอตอบว่าไม่ใช่   เพราะทางออกนั้นมี  เพียงแต่เราต้องเข้าใจธรรมชาติ
ทางออกคือ  เราต้องแยกให้ออก คำว่าธรรมชาติ  กับการใช้ประโยชน์ การเกษตร  เราต้องมีการแบ่งโซนอย่างชัดเจน หากเราใช้ประโยชน์เราต้องทำในอัตราที่ธรรมชาติสามารถฟื้นฟูตัวเองสู่สมดุลได้  ปล่อยให้ธรรมชาติพักตัวเองบ้างโยการไม่ยุ่ง   การเพาะพันธุ์สมช. เพื่อการเกษตรเป็นเรื่องที่อาจจะทำได้  แต่ต้องอยู่ในระบบเพาะเลี้ยงฟาร์มปิด  ที่ไม่ให้หลุดรอดไปในธรรมชาติได้    ซึ่งอย่างที่บอกต้องมีความรู้คู่จริยธรรม   โซนนิ่งพื้นที่  พื้นที่เมือง พื้นที่ชุมชน   พื้นที่เกษตร  พื้นที่ธรรมชาติ   อย่าเอาเกษตรไปเจือปนธรรมชาติ   แต่เอาธรรมชาติมาเจือเกษตรได้ อย่าง  การปลูกต้นไม้ท้องถิ่น ทำสวนผสมเลียนแบบวิธีธรรมชาติ   การเหลือไม้เก่าทิ้งไว้ในสวน เป็นต้น   แต่อย่าเอาสมช. ที่เพาะขึ้นไปปล่อยสู่ธรรมชาติ   แต่เราสามารถเอาดอกเบี้ยของให้จากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้  แต่ต้องมีจริยธรรมเป็นตัวควบคุม

เรื่องนี้หากทางใต้เลี้ยงปลาบึก หรือปลาอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะพื้นเมืองหรือไม่ก็ตามในฟาร์มหรือบ่อปิด อย่าปล่อยลงในธรรมชาติ   ตรงนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องเหมาะสม  ส่วนคลองธรรมชาติหากมีชาวบ้านไปจับปลาบ้างตามสมควร ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ในเชิงพานิชย์ระดับใหญ่  แค่จับไปเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง หรือขายบ้างเล็กๆ น้อยๆ  ก็คงไม่เป็นไร  แบบเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่ทุนนิยม   แต่หากเอกชนคิดทำประมงส่งออกต่างๆ ก็ให้ทำฟาร์มไป  ตรงนี้คิดว่าจะเป็นทางออกอย่างยั่งยืน
ฐากูร  [ 21 เม.ย. 2553 11:46:39 ]
ความคิดเห็นที่: 1
ครับ
waltoni approve [ 21 เม.ย. 2553 20:11:15 ]
ความคิดเห็นที่: 2
เห็นได้ยินข่าวเหมือนกัน เห็นคนรู้จักเล่าให้ฟัง โผล่ดึกๆ  มันกลัวคน
ลองคิดดูไปจ่อดูมันแบบนั้น ปลาที่ไหนมันจะกล้าขึ้นผิวน้ำ ผมว่าตอนกลางวันมันต้องกบดานอยู่ที่ไหนสักแห่ง
สงสัยมันมาจากเขื่อนบางลางละมั่ง
...แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 2553 20:47:52
แด๊ก approve [ 21 เม.ย. 2553 20:43:43 ]
FishesPics_reply_159384.jpg
ความคิดเห็นที่: 3
ตัวที่เขาชำแหละแบบนี้ ผมก็เคยเห็นในเขื่อนเชี่ยวหลาน
แด๊ก approve [ 21 เม.ย. 2553 20:53:14 ]
ความคิดเห็นที่: 4
ผมทราบข่าว  และติดตามความเคลื่อนไหวอยู่เป็นเดือนแล้ว  แต่ไม่สามารถถ่ายภาพได้เลย (เห็นเป็นเงาดำๆ  เท่านั้น)
และล่าสุดเจ้าหน้าที่ประมง เข้ามาตรวจเช็คคุณภาพน้ำ ปรากฏว่าน้ำเค็มรุกขึ้นมาถึงบริเวณดังกล่าว
แต่ความเค็มไม่เกิน 2-3 ppt ที่ระความลึก 4 เมตร
ความเคลื่อนไหว อย่างอื่นจะพยายามรายงานความคืบหน้า(อย่างระมัดระวัง...!!!)
ypun approve [ 22 เม.ย. 2553 09:28:59 ]
ความคิดเห็นที่: 5
เห็นด้วยทุกประการครับ
นณณ์ approve [ 22 เม.ย. 2553 12:24:05 ]

Name : *
E-mail :
Bold Italicized Underline Strikethrough Horizontal Rule Font Size Font Face Insert Image Insert Hyperlink Insert Email Insert FTP Link Superscript Subscript Insert List
Message :
  Security Code
CAPTCHA image
Verify Security Code.
<-- เฉพาะอักษร A-Z เท่านั้น
   
www.siamensis.org - Thailand Fish & Nature Explorer
An independent non-profit group
Established 2001
 All Rights Reserved 2001-2010 ©siamensis.org