* * * ช่วยพลับพลึงธารด้วย * * *

พลับพลึงธาร พืชน้ำหายากใกล้สูญพันธุ์ กำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากนักการเมืองที่เอาโครงการขุดลอกคลองลงไปยำ่ยี จนในปีนี้พลับพลึงธารในคลองนาคาหายไปเป็นจำนวนมากเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549 เหลืออยู่ประมาณ 1% เท่านั้น ทำให้ต้องงดการท่องเที่ยวล่องแพแลพลับพลึงธารหนึ่งเดียวในโลกที่คลองนาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง

Comments

ความเห็นที่ 1

ข้อมูลจากเฟสบุ๊คของคุณ โรจนา บุญชูวงศ์  
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.427533963962708.94324.10000118...

************

ชะตากรรมพลับพลึงธาร 2555

วันที่ 13 ต.ค.2555 ทีมงานประอบด้วยสื่อมวลชน อสมท นายโอ๋ พรชัย นายศรายุทธ สุทธิวงศ์ ร่วมกับชมรมเพลินไพรศรีนาคา คุณสมศักดิ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายท่องเที่ยวอันดามัน อดีตผจก.IUCN ประเทศไทย ,พี่เล็ก ภูสู่เล และคณะอาจารย์จากม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจพลับพลึงธารบริเวณคลองนาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เพื่อติดตามสภาพและสถานะของพลับพลึงธาร หลังจากถูกคุกคามตลอดมา จากสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนไป การลักลอบขุดหัวไปขาย และที่หนักที่สุด คือ ได้รับผลกระทบจากโครงการขุดลอกคลอง จนเป็นเหตุทำให้ต้นพลับพลึงธาร ไม่สามารถต้านทานอยู่ได้ และนำมาซึ่งความสูญเสียของคลองนาคาในที่สุด

โดยสภาพที่พบ คือ
-สภาพคลองธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
- คลองกว้างขึ้น ตลิ่งพังตลอดสายน้ำ น้ำเปลี่ยนเส้นทาง หิน ดิน ทราย เคลื่อนย้ายที่ไปหมด
- พบพลับพลึงธารจำนวนเพียง 3 จุดหลัก จุดละเล็กน้อย กระจัดกระจาย และมีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ สวยงาม
- ยังพบมีการขุดลอกคลองนาคาตลอดอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยปีนี้ อีก 2 โครงการ

โดยในปีนี้นายชำนิ อุ่นขาว ประธานชมรมเพลินไพรศรีนาคา ได้แจ้งว่า “จำเป็นต้องปิดการท่องเที่ยวล่องแพแลพลับพลึงธาร หนึ่งเดียวในโลก เนื่องจากถูกคุกคามอย่างหนัก และทำให้จำนวนพลับพลึงธารลดน้อยลงอย่างมาก แม้ทางชมรมจะพยามยามน้ำหัวไปปลูกเพิ่มก่อนหน้านี้ แต่จากสภาพคลองนาคาที่เปลี่ยนไป พลับพลึงธารก็ไม่สามารถดำรง อยุ่ได้เลย”

นอกจากนี้คุณสมศักดิ์ สุนทรวนภัทร ผู้ประสานงานเครือข่ายท่องเที่ยวอันดามันและอดีตผจก.IUCN ประเทศไทย และเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญและผลักดันพลับพลึงธารเข้าบัญชีแดงของIUCNให้เป็นสปีชีส์ใกล้สูญพันธุ์ของโลก ให้ข้อมูลว่า "พลับพลึงธาร ถูกค้นพบโดยฝรั่งและบันทึกเป็นครั้งแรกเมื่อปี2515 และเป็นพืชเฉพาะถิ่น พบที่เดียวในโลกคือรอยต่อระนอง-พังงา ขึ้นเป็นกลุ่มเต็มคลอง และถูกคุกคามมาเรื่อย ลักลอบขุดหัวขายบ้าง สภาพคลองเปลี่ยนบ้าง แต่ที่รุนแรงที่สุดคือขุดลอกคลอง ปี2552 สำรวจระนอง-พังงาพบว่าพื้นที่ที่พบเหลือ3-5%ประมาณ12ไร่...ปี2554 เหลือ 4-5 ไร่...ต้นปี 2555 พบเหลือเพียง 1.9 ไร่เท่านั้น...จนถึงตอนนี้ต.ค.55...แทบจะไม่เหลือ เฉพาะระนอง มีหลงเหลืออยู่บ้างที่คลองบางปรุ กะเปอร์และคลองนาคา สุขสำราญ เท่านั้น!

อาจารย์ ปกขวัญ หุตางกกูร และคณะจากม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ซึ่งเป็นผู้ทำวิจัยเพาะเลี้ยงพลับพลึงธารเพื่อขยายพันธุ์ ก็กล่าวว่า “พลับพลึงธารนั้นมีความมหัศจรรย์และพิเศษมาก มีความเป็นพืชเฉพาะถิ่นสูง แม้จะทดลองเพาะเลี้ยงในห้องทดลอง และจำลองให้คล้ายธรรมชาติมากที่สุด พลับพลึงธารก็ไม่สามารถเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ จึงน่าใจหายว่า ถ้าหากพลับพลึงธารจะต้องสุญพันธุ์ไปจากธรรมชาตินั้น ก็ย่อมเสี่ยงที่จะหายไปจากโลกอย่างแน่นอน”

แล้วเราชาวระนอง...จะทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่ เพื่อรักษาพลับพลึงธาร “มรดกทางธรรมชาติของคนระนองเอาไว้ให้อยู่คู่จังหวัดระนองตลอดไป”

โรจนา บุญชูวงศ์ รายงาน

******************
55-10-14-003.jpg

ความเห็นที่ 1.1

"ฉิบหายสิ้น" เป็นชื่อของชุดภาพนี้ ที่เหมาะสมที่สุด

ความเห็นที่ 2

...แด่พลับพลึงธาร

พลับพลึงธารแย่แล้วใครช่วยหน่อย
ดอกน้อย ๆ ใบยาวพริ้วปลิวสายน้ำ
ถูกผู้คนใจทรามบุกคุมคาม
มองความงามไร้คุณค่าหญ้าบ้าบอ

คลองเคยงามน้ำเคยสวยดูยิ่งใหญ่
ให้ใครใครได้มาชมแลยลโฉม
ประทับใจความงามยิ่งสื่อครึกโครม
นำเสนอกันทั่วทิศให้ติดตาม

ทั้งชาวไทยแลต่างชาติต่างมาเยี่ยม
ต่างเต็มเปี่ยมความสุขใจกันถ้วนหน้า
พูดเป็นเสียงเดียวกันพลับพลึงธาร
มากคุณค่าควรดูแลให้ยั่งยืน

ปากก็พูดว่าคุณค่าควรรักษา
หนึ่งในหล้าพลับพลึงธารนาคานี้
ดันระนองมรดกไทยเข้าภาคี
เพราะเรามีสิ่งล้ำค่าอันมากมาย

แต่กลับนำโครงการอันย่ำแย่
มารังแกพลับพลึงธารโอ้ไฉน
ขุดลอกคลองกี่โครงการเอาลงไป
ให้บรรลัยคลองนาคารุมย่ำยี

นักการเมืองข้าราชการคนสิ้นคิด
ปากเป็นมิตรใจเป็นมารน่าเศร้าหนอ
ปากดูแลมือเซ็นงบขุดคูคลอง
ไม่ได้มองบริบทอันแท้จริง

บอกน้ำท่วม ท่วมตรงไหนวานช่วยบอก
เขียนเรื่องหลอกเพื่อเอางบมาเผาผลาญ
ตลิ่งพังพลับพลึงธารอันตรธาน
กระเป๋าบานนักการเมืองนักปกครอง

อยู่กันมาหลายสิบปีไม่มีทุกข์
ต้องหมดสุขนักปกครองช่างอาจหาญ
นำโครงการขุดลอกคลองมาใช้งาน
เพื่อสร้างงานสร้างเงินเข้าตนเอง

ถึงเวลาต้องดูแลและหวงแหน
อย่าดูแคลนเจ้าพืชน้อยนั้นด้อยค่า
เป็นตัวบอกความสมบูรณ์ของธารา
กุ้งปูปลาอยู่ได้ถ้าเจ้ามี

เจ้าสิ้นไปสัตว์น้ำอื่นฤาอยู่ได้
คงสิ้นไปตามเจ้าพลับพลึงน้อย
คงไม่ใช่ความฝันอันเลื่อนลอย
พลับพลึงน้อยจะหวนกลับคลองนาคา


ขอคาราวะพลับพลึงธาร ธรรมชาติน้อย ๆ ที่ยิ่งใหญ่

ขอสาปแช่งผู้ทำลายทุกตัวตน
ชาติหน้าขอให้เกิดเป็นสัตว์น้ำตัวน้อยที่อยู่ใต้ใบพลับพลึงธาร

55-10-14-002.jpg

ความเห็นที่ 2.1

ขอสาปแช่งผู้ทำลายทุกตัวตน
ชาติหน้าขอให้เกิดเป็นสัตว์น้ำตัวน้อยที่อยู่ใต้ใบพลับพลึงธาร

ไม่เอา! น่ารักเกินไป ให้ไปเป็นสัตว์นรก เหมาะกว่า

ความเห็นที่ 3

แล้งนี้ลงไปดูอีกรอบครับ เอาที่เดิมแป๊ะๆ ดูว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนี้หลายหน่วยงานลงไปดูแลนะครับ ถ้ายังหน้าด้านขุดลอกกันอยู่ก็เกินไปแล้ว!  ว่าแต่ในพื้นที่ทราบไหมครับว่าใครขุดอยู่บ้าง ช่วยเอามาดูกันหน่อยเถิด

ความเห็นที่ 4

ครม.สัญจรที่ภูเก็ตอนุมัติงบให้ัจ.ระนอง 30 ล้าน ขุดลอกคลองทั้งจังหวัด
สำหรับคลองนาคาสายเดียวลงมา 4 โครงการ

ในขณะนี้ก็ยังขุดลอกกันอยู่รวมถึงมีการขนหิน+ทรายออกจากพื้นที่ด้วย ซึ่งโครงการดำเนินการโดยอบต.นาคาครับ

ความเห็นที่ 5

การสูญพันธุ์ของพลับพลึงธารในครั้งนี้ บ่งชี้ถึงความเลวของผู้มีอำนาจได้อย่างชัดเจน

ความเห็นที่ 6

ทำไมไม่เอามันมาปลูกในที่กักขังสักพัก รอระบบนิเวศน์มันฟื้นกลับมาเหมือนเดิม ก็กลับเอาไปปลูกที่เดิมอีกครับ สำหรับต้นหอมน้ำหรือพลับพลึงธารเป็นต้นไม้น้ำที่เลี้ยงไม่ยาก เอามันมาเลี้ยงในบ่อที่มีทราย และการถ่ายเทน้ำดีๆ มันก็อยู่รอดได้ เคยเห็นมันออกดอกแตกกอในตู้พรรณไม้น้ำด้วย คิดว่าคงไม่น่ายากสำหรับการนำมาอนุรักษ์พันธุกรรมนอกสถานที่เท่าไหร่

และคิดว่าในเวลาไม่นานมันระบบนิเวศน์ในลำธารก็กลับมาเหมือนเิดิมอีกครั้ง สิ่งหนึ่งที่จำได้จากการเรียนวิชา  hydrology คือมีกฏข้อหนึ่งสำหรับแม่น้ำคือ ไม่ว่าเราจะปรับปรุงมันอย่างไร แม่น้ำมันจะพยายามกลับมาเป็นเหมือนเดิม อันนี้อาจารย์ให้ท่องไว้เลยว่า การปรับเปลียนแม่น้ำสุดท้ายแล้ว แม่น้ำจะชนะหากไม่มีการป้องกัน 

การลอกแม่น้ำ มันเป็นการเปลี่ยนร่องน้ำโดยการเอาทรายและดินตะกอนที่เป็นความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำออกไป ซึ่งในที่สุดมันแล้วแม่น้ำก็จะค่อยๆ สะสมดินตะกอนและกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก แต่ว่ามันจะต้องใช้เวลา ถ้าหากเราอยากเร่งให้เร็วการเติมดินตะกอนกลับลงไปน่าจะช่วยได้

ความเห็นที่ 7

โห...........  So sadddddddddddddd

ความเห็นที่ 8

เพียงแต่ที่นี่เขาลอกต่อเนื่องครับ ไม่มีโอกาสได้ปรับสู่สมดุลย์เลยในช่วงนี้ ที่เขาขยันลอกไม่ใช่เพราะเพื่อป้องกันน้ำท่วมหรอก แต่เพราะ..หินที่นี่สวยและมีราคาแพงต่างหาก

ความเห็นที่ 8.1

เวร เอาหินไปขายอีก เวรกรรมจริงๆ

ความเห็นที่ 9

ติดตามและร่วมผลักดันมาตั้งแต่ปี 49 มาถึงปีนี้ 2555  เศร้าใจมากครับ
dsc_0887.jpg

ความเห็นที่ 10

หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ พอจะเห็นได้บ้างก็เกาะอยู่ข้าง ๆ ตลิ่ง  และในคลองย่อย ๆ ที่กระแสน้ำไม่แรงครับ

ตอนนี้ก็มีการอนุบาลและรักษาไว้ตามคลองย่อยครับ ถ้าไอ้พวกนักการเมืองมันยังไม่รุกรานเข้ามาในคลองย่อยเสียก่อนนะครับ
dsc_0728.jpg

ความเห็นที่ 11

นี่คือสิ่งล้ำค่าของนักการเมืองและนายทุน
dsc_0954.jpg

ความเห็นที่ 11.1

ทำไมไม่เผารถตักมันล่ะ "กบฎคือความชอบธรรม" ไง

ความเห็นที่ 12

ล่าสุดทางสื่อมวลชนในจังหวัดเคลื่อนไหวกระจายข่าว และทางสมาคมท่องเที่ยวจะจัดประชุมระดมความคิดเห็นในวันที่ 18 นี้ เพื่อยื่นเรื่องต่อปลัดจังหวัด (รักษาราชการแทนผวจ.ระนอง) ให้ระงับทุกโครงการไว้ก่อนครับ

ติดตามชมสกู๊ปที่ทางทีมสื่อมวลชนและอสมท.ระนองได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลล่าสุดมาถ่ายทอดให้ได้รับทราบกันครับ

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded_decode_entities(""...

ความเห็นที่ 13

ระบบนิเวศนี้มีการดูแลโดยชุมชน และเป็นที่รับรู้ในระดับชาติถึงนานาชาติมานานแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้เจ้าบ้านผ่านเมืองต้องรับผิดชอบเต็มๆ ต้องชดใช้ด้วยการฟื้นฟูให้ถึงที่สุด ขอแสดงความขอบคุณต่อชุมชนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้อย่างจริงจัง

ความเห็นที่ 14

สงสารพลับพลึงธารและกรวดหินดินทรายในคลองนาคา นึกถึงเด็กๆและคนที่รักคลองนาคาที่เคยดูในทีวี ช่วยกันอนุรักษ์ช่วยกันขยายพันธุ์ พลับพลึงธารในคลองนาคาแล้วสะท้อนใจ อบต.ก็คือคนในพื้นที่แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยหรือทำไมคนที่ไม่ใช่คนพื้นที่เขายังรักยังห่วงและหวงสิ่งนี้แล้ว..... คิดอะไรกับการทำลายสิ่งที่มีค่าของคนทั้งประเทศและอาจจะทั้งโลกด้วย อยากบอกว่า ไอ้ฉิบหายมึงทำได้ไงวะเนี่ย เฮี้ย.... ยังสูงค่ากว่าพวกมึงเลย คนทั่วไปอาจจะไม่ชอบมันอาจะเกลียดมันแต่มันไม่เคยคิดทำร้ายหรือทำลาย บ้านและแหล่งอาหารของมันเอง ไม่เหมือนไอ้พวกนี้ ถ้าไม่มีพลับพลึงธารใครจะมาเที่ยว ใครจะอยากมาดูคลองที่มีแต่น้ำ ช่วยกันครับช่วยเอาพลับพลึงธารและคลองนาคาในอดีตกลับมา ครั้งหน้าอย่าเลือกไอ้พวกเห็นแก่เงินเข้ามาบริหารอีก

ความเห็นที่ 15

ระดมสมองต่อลมหายใจให้ "พลับพลึงธาร"
จากการที่ทางสมาคมสื่อมวลชนระนอง และสถานีวิทยุ อสมท ระนอง ได้ร่วมกับเครือข่ายลงสำรวจความเสียหายของคลองนาคาและพลับพลึงธารในช่วงเวลาที่ผ่านมาพบความเสียหายเป็นอย่างมาก จนอาจมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของพลับพลึงธาร และการท่องเที่ยวล่องแพแลพลับพลึงธารหนึ่งเดียวในโลกที่คลองนาคาในปีนี้ก็ได้มีการประกาศงดไปแล้ว ทำให้สร้างความเสียหายต่อหลาย ๆ สิ่ง

วันนี้ (18 ต.ค. 55) ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองระนอง สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง ได้เป็นเจ้าภาพเชิญและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมระดมความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาความเสียหายของพลับพลึงธารและคลองนาคา

มติที่ประชุม 18ต.ค. 55 !!! 4องค์กรเอกชนระนอง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว, หอการค้าระนอง,สภาอุตสาหกรรม, สมาคมประมงระนอง ร่วมด้วยสมาคมสื่อมวลชนระนอง ชมรมเพลินไพรศรีนาคา นักวิชาการ และผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด มีมติเป็นเอกฉันท์ คือ ให้หยุดลอกคลองและโครงการที่มีผลกระทบกับคลองนาคา ทันที!! โดย

1. จะทำหนังสือมติที่ประชุมในการหยุดลอกคลองส่งจังหวัดระนอง
2. ทั้ง 4ภาคเอกชนระนองจะทำหนังสือขอระงับการขุดลอกคลอง
3. สมาคมสื่อมวลชนระนองทำหนังสือขอระงับการขุดลอกคลอง
4. ชมรมเพลินไพรศรีนาคาทำหนังสือขอระงับการขุดลอกคลอง
5. ททท.สนงชุมพรทำรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวล่องแพแลพลับพลึงธาร ซึ่งกำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในปีนี้และมีผู้ติดต่อมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่จ.ระนองต้องได้รับความเสียหายมากจากการปิดการท่องเที่ยว...

โดยจะนำหนังสือทั้งหมดยื่นจังหวัด เพื่อขอระงับการลอกคลองโดยด่วนที่สุด! จากนั้นก็จะระดมทุกภาคส่วนลงพื้นที่อีกครั้งโดยเร็ว...
pantip.jpg

ความเห็นที่ 16

แจ้งความคืบหน้าล่าสุด

จังหวัดระนองรับเรื่องจากภาคเอกชนแล้วพร้อมลงพื้นที่ติดตามปัญหาพลับพลึงธารทันที!!

นางนฤมล ขรภูมิ ประธานหอการค้าระนองแจ้งว่า วันนี้ (19 ต.ค.55) ทางจังหวัดระนองได้รับหนังสือเรื่องการขอคุ้มครองพลับพลึงธาร จากสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง และท๋านปลัดจังหวัดระนอง รักษาการท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนระนอง จึงได้ประสานผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เชิญเข้าร่วมประชุม และ ลงสำรวจพื้นที่ ในวันที่ 24 ตุลาคม 2555 เวลา 10.00 น. ณ อบต.นาคา เพื่อ ร่วมกันปกป้อง คุ้มครองพลับพลึงธาร ซึ่งกำลังจะสูญพันธ์ จึงเรียนเพื่อเชิญชวน ชาวระนองไปร่วมกันแสดงความคิดเห็นด้วย

ความเห็นที่ 17

ยินดีและขอบคุณทุกท่านที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ครับ!!!  

ความเห็นที่ 18

สรุปประเด็นที่มีการประชุมกันในวันนี้ (ข้อมูลจากคุณโรจนา)

.......

เบื้องต้นที่ประชุมวันนี้ โต้เถียงกันสองฝ่ายระหว่างปลัดจังหวัด อบต นาคา ผู้นำชุมชนในคราบผู้รับเหมา กับชาวบ้าน ภาคเอกชน สื่อมวลชน โดยอีกฝ่ายก็อ้างถึงโครงการขุดลอกคลองเพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม อ้างว่าทำเพื่อชาวบ้าน และไม่ได้ขุดที่พลับพลึงธารอยู่ ไม่ได้เอาหินไปขาย และมองว่าอย่าเอามาเชื่อมโยงกัน คนละเรื่องระหว่างเรื่องพลับพลึงธารกับการขุดลอกคลอง บอกว่าการท่องเที่ยวนั่นแหล่ะที่ทำความเสียหายกับพลับพลึงธาร ข้างๆคูไปเรื่อยเอ้อ และพยายามเบี่ยงประเด็น ไม่รับฟัง แต่กลับไปฟังจากผู้รับเหมาแทน ในขณะที่ชาวบ้านและผู้ที่เกี่ยวข้องพยามยามชี้ให้เห็นว่า ที่จำนวนพลับพลึงธารหายไป คลองเปลี่ยนไป สวนชาวบ้านหายไปนั้น ก็เกิดจากการขุดลอกคลองที่ไม่ได้เกิดประโยชน์กับในพื้นที่อย่างแท้จริง...ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม เพราะขุดมา 5 ปี แล้ว น้ำก็ยังท่วมอยู่ แถมเกิดผลกระทบตามมามากมาย..แต่ก็ไม่ฟัง ผู้รับเหมากลับตบโต๊ะ พูดจาเสียงดัง เหมือนจะข่มขู่ชาวบ้านเป็นนัยๆ...ปลัดก็กลับพลิกไปได้อย่างน่าตาเฉย ว่าที่ลงมาประชุมนั้น เพราะเรื่องการทำถนนข้างคลองช่วยชาวบ้าน และบอกว่าชาวบ้านเป็นกระต่ายตื่นตูมไปเอง ..อาว สวยสิครับพี่น้อง พูดไม่เข้าหูชาวบ้านแบบนี้ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที...จบไม่สวยเลยนะท่านปลัดจังหวัดระนอง

................
dsc_3325.jpg

ความเห็นที่ 18.1

ไอ้ท่อนสุดท้ายผมอยากเปลี่ยนเป็นศพไม่สวย(จบไม่สวย)จะดีีกว่าฟังเพราะกว่าด้วย ถ้าพูดห่วยๆเห็นแก่ตัวแบบนี้

ความเห็นที่ 19

ขอย้ำอีกที ถ้าไม่ยอมรับฟังและพูดด้วยภาษา คน  กัน ก็คงต้อง"กบฎคือความชอบธรรม"แล้วล่ะ

ความเห็นที่ 20

ทำไมไม่เอาหลักฐานและข้อเท็จจริงมาออกสื่อให้เห็นกันชัดๆเลย

ความเห็นที่ 20.1

ตอนนี้หลายสื่อเริ่มกระพือแล้วครับ

ความเห็นที่ 21

เอาให้แหลกกันไปข้างเลยครับ เชียร์เต็มที่ ให้รู้ว่า อีสากับไอ้บัด หรือจะทาน น้องรักษ์กับพี่รวม

ความเห็นที่ 22

ที่จริงพ่อแม่ของนักการเมืองแก่ๆพวกนี้บกพร่อง
เขาต้องอบรมธรรมะตั้งแต่เด็กๆ โตมาจะได้ไม่เป็นคนโกง ไม่ละโลภ
ไม่อยากได้อยากมีไม่สิ้นสุดอย่างนี้
ถ้าพ่อแม่หัดพาเที่ยวสวนสัตว์ พาเที่ยวเดินป่าชมธรรมชาติบ้างพวกเขาคงไม่เห็นเงินดีกว่าธรรมชาติที่สวยงามที่ใช้เวลาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นสั่งสมมาอย่างทุกวันนี้